คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลได้นัดชี้สองสถานครั้งแรกและได้เลื่อนให้คู่ความไปทำความตกลงกัน คู่ความจึงได้ทำความตกลงกันโดยบันทึกข้อตกลงกันไว้เป็นหนังสือต่อมาเมื่อศาลนัดชี้สองสถานนัดสุดท้ายคู่ความท้าประเด็นเป็นข้อแพ้ชนะเพียงข้อเดียวว่า โจทก์ส่งของดให้จำเลยถูกต้องตามรายการจริงหรือไม่ และโจทก์ส่งของตามรายการดังกล่าวเพียงแต่ผิดนัมเบอร์ของอย่างเดียวจริงหรือไม่ โดยไม่ได้แถลงให้ศาลทราบถึงข้อตกลงที่ทำกันไว้นั้น มาลบล้างข้อตกลงในศาลมาได้ไม่ และคู่ความได้แถลงสละข้อเรียกร้อง ข้อต่อสู้ ข้อโต้แย้งอื่น ๆ (หากมี) เสียสิ้น การที่จำเลยส่งและอ้างหนังสือนั้นเป็นพยาน ก็ต้องเข้าใจว่าจำเลยอ้างเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของจำเลยในประเด็นที่ท้ากัน ไม่ใช่เพื่อลบล้างหรือเพิ่มเติมประเด็นที่ท้ากัน คดีคงมีข้อแพ้ชนะเพียงประเด็นเดียวตามที่ท้ากัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายทิม โชตนา กรรมการจัดการโรงภาพยนต์ครีนครพิงค์ ได้ทำสัญญาซื้อเครื่องฉายยนต์พร้อมทั้งชุดจากโจทก์ต่อมานายทิมได้โอนหุ้นให้จำเลยแต่ผู้เดียว โจทก์ได้ทำการติดตั้งเสร็จแล้ว จำเลยยังค้างชำระราคาอยู่ ๒๔,๙๕๙ บาท ๓๐ สตางค์ และค่าสินไหมอีก ๔,๐๐๐ บาท จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ยังติดตั้งเครื่องฉายภาพยนต์ยังมิเรียบร้อย และโจทก์ส่งของไม่ตรวจตามตัวอย่าง จำเลยจึงหน่วงราคาที่ค้างชำระไว้ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๔๘๘
วันชี้สองสถาน โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้มีการสืบพยานเพียงประเด็นเดียวเป็นข้อแพ้ชนะ ข้อสละข้อเรียกร้อง ข้อต่อสู้ ข้อโต้แย้งอื่น ๆ (หากมี) เสียทั้งสิ้น คงสืบพยานเฉพาะประเด็นข้อที่ว่า โจทก์ส่งของให้จำเลยไม่ถูกต้องตามรายการจริงหรือไม่และโจทก์ส่งของตามรายการดังกล่าว เพียงแต่ผิดนัมเบอร์สิ่งของอย่างเดียว เท่านั้นจริง ๆ หรือไม่
ศาลชั้นต้นสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้วฟังว่าโจทก์ส่งผิดรายการ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลได้ชี้สองสถานนัดแรกเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๐๐ และ เลื่อนคดีเพื่อนคู่ความไปทำความตกลงกันดังที่ต้องการ คู่ความได้ทำเอกสารหมาย ล.๑ และ ล.๒ ไว้ ครั้นต่อมาเมื่อศาลชี้สองสถานนัดสุดท้าย คือเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๐๐ คู่ความตกลงท้าประเด็นเป็นข้อแพ้ชนะเพียงข้อเดียว โดยทั้งสองฝ่ายหาได้แถลงให้ศาลทราบหรือพูดถึงเอกสารหมาย ล.๑ ล.๒ หรือการที่โจทก์จำเลยได้ไปตกลงกันแต่ประการใดไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อได้ทำเอกสารหมาย ล.๑ ล.๒ แล้ว จึงมาทำข้อตกลงในศาล ไม่มีทางที่จะเห็นว่าเอกสารหมาย ล.๑ล.๒ ที่ทำมาก่อนนั้น จะมาลบล้างข้อตกลงในศาลซึ่งทำภายหลังได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้น ในการตกลงกันต่อหน้าศาล ทั้งสองฝ่ายก็แถลงสละข้อเรียกร้องข้อต่อสู้ ข้อโต้แย้งอื่น ๆ (หากมี) เสียสิ้น หมายความว่า จะไม่เอามาคำนึงในคดีนี้ สำหรับคดีนี้คงให้มีข้อแพ้ชนะกันแต่เพียงประเด็นเดียวตามที่ท้ากันเท่านั้น อีกประการหนึ่ง การที่จำเลยส่งและอ้างเอกสารหมาย ล.๑ ล. ๒ ก็ต้องเข้าใจว่าจำเลยอ้างเพื่อสนับสนุนข้อเถียงของจำเลยในประเด็นที่ท้ากัน ไม่ใช่เพื่อลบล้างหรือเพิ่มเติมประเด็นที่ท้ากัน สิทธิและหน้าที่ของโจทก์จำเลยจะมีต่อกันประการใดนอกเหนือ จากคดีนี้
เป็นเรื่องของโจทก์จำเลยจะพิจารณากันเอง ไม่มีประเด็นที่ศาลจะต้องคำนึงถึงในที่นี้
พิพากษายืน

Share