คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายรูปร่างสูงและใหญ่กว่าจำเลย ผู้ตายต่อยเตะจำเลย จำเลยล้มลงพอจำเลยลุกขึ้น ผู้ตายใช้มือขวาจับด้ามมีดพกแต่ยังไม่ทันชักมีดออกจากฝัก กิริยาของผู้ตายที่ใช้มือขวาจับด้ามมีดพกในขณะที่การทำร้ายยังไม่ขาดตอนนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่าผู้ตายมีเจตนาที่จะแทงจำเลย
เมื่อพิจารณาถึงว่าขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วาผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย พร้อมกับดึงเอามีดพกซึ่งเหน็บอยู่ที่หน้าท้องออกมาถือไว้ เป็นมีดพกมีฝักอยู่เกือบศอก จำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย แสดงชัดว่าผู้ตายเจตนาแรงกล้าที่จะแทงจำเลย จึงได้ดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ออกมาถือไว้และเดินเข้ามาหาจำเลย เมื่อจำเลยยิงไปแล้ว 1 นัด ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงไปอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยฆ่านายเชิดตาย จำเลยให้การว่า จำเลยป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยกระทำการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ลงโทษจำคุก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกาว่าพยานโจทก์เบิกความต่อศาลไม่ตรงกับถ้อยคำของพยานในชั้นสอบสวนน่าเชื่อว่าจำเลยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

ศาลฎีกาปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ตายรูปร่างสูงและใหญ่กว่าจำเลย จำเลยอายุ 16 ปี วันเกิดเหตุ นายสมชายเอาประทัดจากจำเลยไปจุดและระเบิดขึ้นผู้ตายมาจากไหนไม่ปรากฏ มีกิริยาเมาสุราผู้ตายถามว่าใครยิงปืน นายสมชายว่าไม่ใช่ปืนแต่เป็นประทัด ผู้ตายต่อยนายสมชาย นายเล็กเข้าห้าม ผู้ตายต่อยนายเล็ก จำเลยเข้าห้ามผู้ตายไม่พูดอะไรเข้าต่อยเตะจำเลย จำเลยล้มลง พอจำเลยลุกขึ้นผู้ตายชักมีดไล่แทงจำเลยอีก เห็นได้ชัดว่าเป็นการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย มีดนั้นยาวประมาณ 1 ศอก ปลายแหลม จำเลยหนีไปติดกองหัวมันและฝาโรงงาน ขณะนี้จำเลยอยู่ห่างผู้ตายประมาณ 1 วาจำเลยใช้ปืนยิงผู้ตาย 2 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย

ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า นายเล็กและนายสมชายพยานโจทก์เบิกความไม่ตรงกับถ้อยคำของตนในชั้นสอบสวน โดยในชั้นสอบสวนนายเล็กให้ถ้อยคำว่าผู้ตายใช้มือขวาจับด้ามมีดพกที่หนีบกับรักแร้ซ้ายแต่ยังไม่ทันชักมีดออกจากฝัก มีเสียงปืนดังขึ้นเห็นผู้ตายเดินตรงมาที่จำเลยได้ 2 ก้าว แล้วล้มคว่ำลง ศาลฎีกาเห็นว่าแม้จะฟังตามถ้อยคำของพยานในชั้นสอบสวนก็ตาม กิริยาของผู้ตายที่ใช้มือขวาจับด้ามมีดพกในขณะที่การทำร้ายยังไม่ขาดตอนนั้นย่อมชี้ให้เห็นว่าผู้ตายมีเจตนาที่จะแทงจำเลย ส่วนข้อที่ว่าผู้ตายยังไม่ทันชักมีดออกจากฝักนั้น การชักมีดย่อมกระทำได้โดยง่ายและโดยเร็วจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดีนี้ เมื่อพิจารณาถึงว่า ในขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วา ย่อมเห็นได้ว่าภยันตรายจากผู้ตายนั้นใกล้จะถึงตัวจำเลยอยู่แล้ว ข้อที่นายสมชายให้ถ้อยคำในชั้นสอบสวนว่าผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยซึ่งยืนอยู่บนลานมันเส้นพร้อมกับดึงเอามีดพกซึ่งเหน็บอยู่ที่หน้าท้องออกมาถือไว้มองดูเป็นมีดพกมีฝักอยู่เกือบศอกจำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด เห็นผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่าถ้อยคำของพยานดังกล่าวแสดงชัดว่าผู้ตายเจตนาแรงกล้าที่จะแทงจำเลย จึงได้ดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ออกมาถือไว้และเดินเข้ามาหาจำเลยเมื่อจำเลยยิงไปแล้ว 1 นัด ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงไปอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุและโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด

พิพากษายืน

Share