แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยมีข้อความว่า “จำเลยยินยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม อัตราค่าจ้างเดิม และสภาพการจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม โดยให้นับอายุการทำงานต่อเนื่องจากเดิม โดยจำเลยจะให้โจทก์เริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2532 เป็นต้นไป” ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะจำเลยเลิกจ้างโจทก์นั้น โจทก์มีตำแหน่งหน้าที่เป็นครูสอนที่โรงเรียน ส. ตำแหน่งหน้าที่เดิมที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับโจทก์กลับเข้าทำงานนั้น คือตำแหน่งหน้าที่เป็นครูสอนที่โรงเรียน ส. จำเลยจะรับโจทก์กลับเข้าทำงานโดยให้เป็นครูสอนที่โรงเรียน ท. ซึ่งเป็นคนละโรงเรียนกันกับโรงเรียน ส. หาได้ไม่ แม้โรงเรียนทั้งสองแห่งนี้จะมีเจ้าของเป็นคนเดียวกัน ใช้ระบบเดียวกัน และมีการโยกย้ายสับเปลี่ยนครูกันอยู่ก็ตาม
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากศาลแรงงานกลางพิพากษาคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสอง ซึ่งมีข้อสัญญาว่าจำเลยทั้งสองยินยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม อัตราค่าจ้างเดิมและสภาพการจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม โดยให้นับอายุการทำงานต่อเนื่องจากเดิม และจะให้โจทก์เริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๓๒ เป็นต้นไป ต่อมาโจทก์ได้ไปรายงานตัวต่อจำเลยทั้งสองเพื่อเข้าทำงานตามคำพิพากษาตามยอม จำเลยได้ปฏิเสธไม่ยอมโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างเดิมที่โรงเรียนสายประสิทธิ์พณิชยการ แต่ได้ให้โจทก์ไปเริ่มทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างใหม่ ที่โรงเรียนเทคโนโลยี่ปิ่นมณฑลอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาดังกล่าว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมต่อไป
จำเลยทั้งสองแถลงว่าจำเลยทั้งสองยินยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งครูทั่วไปประจำโรงเรียนเทคโนโลยีปิ่นมณฑลอันเป็นโรงเรียนระดับเดียวกันกับโรงเรียนสายประสิทธิ์พณิชยการ ซึ่งมีเจ้าของและผู้อำนวยการคนเดียวกัน มีระเบียบข้อบังคับในการทำงานเหมือนกันอีกทั้งตามปกติครูทั้งสองโรงเรียนมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นประจำ ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ตำแหน่งหน้าที่เดิมที่จำเลยทั้งสองตกลงยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงานตามสัญญาประนีประนอมยอมความ หมายถึง ตำแหน่งหน้าที่ของโจทก์ครั้งสุดท้ายตามฟ้อง ซึ่งทำหน้าที่เป็นครูสอนที่โรงเรียนสายประสิทธิ์พณิชยการมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอม
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองมีข้อความว่า “จำเลยทั้งสองยินยอมรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิม อัตราค่าจ้างเดิมและสภาพการจ้างไม่ต่ำกว่าเดิมโดยให้นับอายุการทำงานต่อเนื่องจากเดิมโดยจำเลยทั้งสองจะให้โจทก์เริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๓๒ เป็นต้นไป” ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสองจะรับโจทก์กลับเข้าทำงานก็ต้องเป็นไปตามข้อสัญญาที่ตกลงกันดังกล่าว ขณะจำเลยทั้งสองเลิกจ้างโจทก์นั้นได้ความว่าโจทก์มีตำแหน่งหน้าที่เป็นครูสอนที่โรงเรียนสายประสิทธิ์พณิชยการจึงย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าตำแหน่งหน้าที่เดิมที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับโจทก์กลับเข้าไปทำงานนั้น คือตำแหน่งหน้าที่เป็นครูสอนที่โรงเรียนสายประสิทธิ์พณิชยการ อันเป็นตำแหน่งหน้าที่ครั้งสุดท้ายเมื่อโจทก์ถูกจำเลยทั้งสองเลิกจ้าง แม้จะได้ความว่าโรงเรียนเทคโนโลยีปิ่นมณฑลที่จำเลยทั้งสองรับโจทก์กลับเข้าทำงานจะเป็นโรงเรียนของจำเลยที่ ๑ เช่นเดียวกับโรงเรียนสายประสิทธิ์พณิชยการ ซึ่งใช้ระเบียบเดียวกันและมีการโยกย้ายสับเปลี่ยนครูกันอยู่เสมอก็ตาม แต่โรงเรียนทั้งสองแห่งเป็นคนละโรงเรียนกัน การที่จำเลยทั้งสองรับโจทก์เข้าทำงานเป็นครูสอนที่โรงเรียนเทคโนโลยีปิ่นมณฑล จึงมิใช่เป็นการรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดิมตามคำพิพากษาตามยอม ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งชอบแล้วอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.