คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 486/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหัวหน้าแผนกการเงินของธนาคาร มีหน้าที่เก็บรักษาเงินเมื่อถูกตรวจสอบพบว่าเงินหายก็ยอมรับว่าเป็นผู้ยักยอกเงินที่เก็บรักษาไว้ไปในทันทีและโดยสมัครใจ ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะฟังได้แล้วว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด ผู้เสียหาย เป็นรัฐวิสาหกิจเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2529 ถึงวันที่ 8 เมษายน 2530 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยซึ่งเป็นพนักงานของผู้เสียหายเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน มีหน้าที่เก็บรักษาควบคุมดูแลเงินสดของผู้เสียหาย สาขาสวรรคโลก ได้เบียดบังยักยอกเอาเงินสดจำนวน 526,348บาท ของผู้เสียหายซึ่งเก็บรักษาอยู่ ที่สาขาสวรรคโลกไปโดยสุจริตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 4 กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502มาตรา 4 จำคุก 6 ปี คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน 526,348 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นพนักงานรัฐวิสหกิจ โดยเป็นหัวหน้าแผนกการเงินของผู้เสียหาย สาขาสวรรคโลก มีหน้าที่เก็บรักษาควบคุมดูแลรักษาเงินสดของผู้เสียหายสาขาสวรรคโลก เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2530 คณะผู้ตรวจสอบของผู้เสียหายตรวจพบว่าเงินสดของผู้เสียหายสาขาสวรรคโลกขาดบัญชีไปจำนวน 526,348 บาท จำเลยยอมรับว่ายักยอกเงินของผู้เสียหายและบันทึกปากคำเอกสารหมาย จ.4ไว้ซึ่งมีข้อความตรงตามที่จำเลยให้ปากคำ ที่จำเลยอ้างว่าคำรับสารภาพของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.4 เกิดจากการให้สัญญาและการหลอกลวงไม่ได้กระทำโดยสมัครใจของจำเลยนั้นขัดต่อเหตุผลไม่น่าเชื่อและวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นหัวหน้าแผนกการเงิน มีหน้าที่เก็บรักษาเงินเมื่อถูกตรวจสอบพบว่าเงินหายก็ยอมรับว่าเป็นผู้ยักยอกเงินที่เก็บรักษาไว้ไปในทันที ย่อมเป็นการเพียงพอที่จะรับฟังได้แล้วว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share