แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์ไม่ได้ฟ้องนางสาว ร. ในฐานะทายาทของจำเลยที่ 2 นางสาว ร. เพียงแต่เข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยที่ 2 ซึ่งถึงแก่กรรมในระหว่างพิจารณาเท่านั้น ศาลจะพิพากษาให้นางสาว ร. ในฐานะทายาทของจำเลยที่ 2 ชำระหนี้เงินกู้ของจำเลยที่ 2 แทนจำเลยที่ 2 ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 11,823,465.43 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี จากเงินต้นจำนวน 8,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระขอให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 896ตำบลบางเทา อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระแทนหากไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งสามให้การทำนองเดียวกันว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่เคยแจ้งการปรับดอกเบี้ยให้จำเลยทั้งสามทราบ จำเลยที่ 3 ไม่ได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้และหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองเนื่องจากผู้ที่ลงชื่อในใบตอบรับไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านของจำเลยที่ 3 และไม่ทราบว่าเป็นใคร การบอกกล่าวของโจทก์และผู้รับมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ถึงแก่กรรม นางสาวรัตนา หมาดเด็น ทายาทของจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน11,823,465.43 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี จากเงินต้นจำนวน8,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 29 พฤษภาคม 2536) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 896 ตำบลบางเทา อำเภอถลางจังหวัดภูเก็ต พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้80,000 บาท ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกได้แก่จำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกได้แก่จำเลยที่ 2 นั้น เห็นว่าโจทก์ไม่ได้ฟ้องนางสาวรัตนา หมาดเด็น ในฐานะทายาทของนางฝ่า หมาดเด็น จำเลยที่ 2 นางสาวรัตนา เพียงแต่เข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยที่ 2 ซึ่งถึงแก่กรรมในระหว่างพิจารณาเท่านั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จะพิพากษาให้นางสาวรัตนาในฐานะทายาทของจำเลยที่ 2 ชำระหนี้เงินกู้ของจำเลยที่ 2 แทนจำเลยที่ 2 ไม่ได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในส่วนนี้ไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 11,823,465.43 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี จากเงินต้นจำนวน 8,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 29 พฤษภาคม 2536) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 896 ตำบลบางเทา อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต พร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์อื่นของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้80,000 บาท ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ