คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4843/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ช. สมัครสอบเข้ารับราชการเป็นครูทั้งที่ไม่มีวุฒิทางการศึกษาตามที่ช. ระบุแจ้งไว้อันเป็นการทำละเมิดต่อสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติโจทก์การแจ้งวุฒิการศึกษาไม่ตรงต่อความจริงดังกล่าวเกิดขึ้นและสำเร็จผลเป็นละเมิดเมื่อช. เข้าสมัครสอบแข่งขันและมีอายุความละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา448วรรคแรกโจทก์เพิ่งฟ้องคดีนี้เมื่อเกินกว่า10ปีนับแต่วันสมัครสอบอันเป็นวันทำละเมิดฟ้องจึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลสังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา เมื่อปี 2518 นายเชียงเรืองระยับชัย ซึ่งไม่มีวุฒิทางการศึกษาที่จะสอบเข้ารับราชการครูได้จงใจกระทำการทุจริตปลอมแปลงแก้ไขชื่อสกุลในในประกาศนียบัตรพิเศษวิชาการศึกษา (พ.ศ.) และประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษมัธยม(พ.ม.) ของบุคคลอื่นเป็นชื่อนายเชียง แล้วนายเชียงนำเอกสารดังกล่าวไปยื่นสมัครสอบ และสามารถสอบบรรจุเข้ารับราชการครูสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร จนกระทั่งวันที่31 มีนาคม 2534 นายเชียงจึงได้ลาออกจากราชการ เป็นเหตุให้โจทก์และราชการเสียหายโดยได้จ่ายเงินเดือนให้นายเชียงตั้งแต่วันเริ่มรับราชการคือวันที่ 2 มิถุนายน 25185 จนถึงวันลาออกจากราชการเป็นเงินทั้งสิ้น 937,858.32 บาท อันเป็นลาภมิควรได้และนายเชียงรับไว้โดยทุจริตนายเชียงถึงแก่กรรมเมื่อวันที่13 เมษายน 2534 จำเลยทั้งสี่เป็นทายาทผู้รับมรดกของนายเชียงต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ โจทก์ทราบความเสียหายและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าเสียหายและทราบการถึงแก่กรรมของนายเชียงเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2534 ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดกของนายเชียงร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน937,858.32 บาท และดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่31 มีนาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์ไม่ฟ้องภายใน 10 ปี นับแต่วันทำละเมิดคือวันที่ 2 มิถุนายน 2518 อันเป็นวันบรรจุนายเชียงเข้ารับราชการครูคดีจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ในฐานะทายาทของนายเชียง เรืองระยับชัย ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 31 มีนาคม 2534 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยทั้งสี่ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้จำเลยทั้งสี่ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสี่ว่านายเชียง เรืองระยับชัย เจ้ามรดกทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยรับฟังข้อเท็จจริงว่า นายเชียงไม่เคยประกอบอาชีพครู ไม่น่าเชื่อว่านายเชียงจะได้รับประกาศนียบัตรดังกล่าวดังนี้ แม้โจทก์ไม่มีหลักฐานว่านายเชียงปลอมประกาศนียบัตรเข้าสมัครสอบแต่ก็เชื่อได้ว่า นายเชียงสมัครสอบเข้ารับราชการเป็นครูทั้งที่ไม่มีวุฒิทางการศึกษาตามที่นายเชียงระบุแจ้งไว้อันเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์และอยู่ในประเด็นที่โจทก์ฟ้อง
ส่วนปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสี่ต่อไปว่า ฟ้องขาดอายุความ10 ปี หรือไม่ เห็นว่า การแจ้งวุฒิการศึกษาไม่ตรงต่อความจริงเกิดขึ้นและสำเร็จผลเป็นละเมิดเมื่อนายเชียงเข้าสมัครสอบแข่งขันเมื่อปี 2518 ซึ่งไม่ปรากฏชัดว่าวันสมัครสอบจะเป็นวันเดือนใดในปีนั้น เนื่องจากเอกสารเกี่ยวกับการรับสมัครถูกไฟไหม้หมดวันสมัครสอบจึงถือเป็นวันทำละเมิด การนับอายุความประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก บัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิด ขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งหรือเมื่อพ้นสิบปี นับแต่วันทำละเมิด” โจทก์เพิ่งฟ้องคดีนี้เมื่อปี 2535 นับแต่ปี 2518 ก็เห็นได้ว่าเกินกว่า 10 ปีนับแต่วันสมัครสอบอันเป็นวันทำละเมิด ฟ้องจึงขาดอายุความ
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์

Share