คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4841/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาจะซื้อจะขายระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยจำเลยตกลงว่าจะชำระเงินตามที่ตกลงกันส่วนโจทก์ตกลงจะขายที่ดินตามสัญญาแต่โจทก์ก็ไม่จำต้องเป็นเจ้าของในวันทำสัญญาหากคาดหมายว่าจะสามารถโอนให้แก่จำเลยได้เมื่อถึงกำหนดเวลาตามสัญญาแต่เมื่อโจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยตามกำหนดได้ไม่ว่ากรณีใดจำเลยก็ไม่เป็นผู้ผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา209-211

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ทำ สัญญา จะซื้อ ที่ดิน มี หนังสือ รับรอง การ ทำประโยชน์ ของ โจทก์ จำนวน 4 แปลง แล้ว จำเลย ผิดนัด ไม่ยอม รับโอนและ ไม่ชำระ เงิน ส่วน ที่ เหลือ โจทก์ จึง บอกเลิก สัญญา และ ริบ เงินมัดจำพร้อม กับ ขอให้ จำเลย ส่ง คืน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ แต่ จำเลย ไม่ยอมคืน ให้ ขอให้ บังคับ จำเลย คืน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3ก. )เลขที่ 478, 482, 491, 481 ให้ แก่ โจทก์ หาก คืน ไม่ได้ ให้ ศาล มี คำสั่งให้ ทาง อำเภอ ออก ใบแทน ให้ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า โจทก์ บิดพลิ้ว จะ ไม่ ขาย ที่ดิน ให้ จำเลย โจทก์ จึงเป็น ฝ่าย ผิดสัญญา ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง เบื้องต้น ฟังได้ตาม ที่ คู่ความ นำสืบ รับ กัน ว่า เมื่อ วันที่ 4 กรกฎาคม 2531 โจทก์ และจำเลย ทำ สัญญาจะซื้อจะขาย ที่ดิน จำนวน 4 แปลง ตาม เอกสาร หมาย จ. 1ต่อมา วันที่ 30 ธันวาคม 2531 โจทก์ และ จำเลย ตกลง ทำ สัญญา กัน ใหม่ตาม เอกสาร หมาย จ. 2 ที่ดิน ตาม สัญญา เป็น ที่ดิน มี หนังสือ รับรอง การทำประโยชน์ (น.ส.3ก. ) เลขที่ 478, 482, 491 และ 481 ตั้ง อยู่ตำบล เกาะ ลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัด กระบี่ ตาม เอกสาร หมาย ล. 3 ถึง ล. 6 ตามลำดับ สำหรับ ที่ดิน ตาม เอกสาร หมาย ล. 3 ถึง ล. 5มี ชื่อ โจทก์ เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง ส่วน ที่ดิน ตาม เอกสาร หมาย ล. 6 มีชื่อ นาย หมาดสาดหรือประสาท วะเจดีย์ เป็น ผู้มีสิทธิ ครอบครอง โจทก์ มอบ เอกสาร หมาย ล. 3 ถึง ล. 6 ให้ จำเลย ยึดถือ ไว้ ตาม เอกสารหมาย จ. 2 ตกลง ราคา 1,083,750 บาท จำเลย วางเงิน มัดจำ ให้โจทก์ แล้ว 750,000 บาท กำหนด ชำระ เงิน ที่ เหลือ และ จดทะเบียน โอน ที่ดินตาม สัญญา ใน วันที่ 5 มกราคม 2532 แต่ ปรากฏว่า ไม่มี การ จดทะเบียน โอนมี ปัญหา วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่า จำเลย มีสิทธิ ยึดถือ หนังสือ รับรองการ ทำประโยชน์ (น.ส.3ก. ) ตาม เอกสาร หมาย ล. 3 ถึง ล. 6 ไว้ หรือไม่โจทก์ อ้างว่า จำเลย ผิดสัญญา เพราะ ไม่ไป รับโอน ที่ดิน ใน วันนัด โจทก์จึง มี หนังสือ แจ้ง ให้ จำเลย คืน น.ส.3 ก. รวม 4 ฉบับ ที่ จำเลย ยึดถือไว้ นั้น จำเลย อ้างว่า โจทก์ เป็น ฝ่าย ผิดสัญญา เหตุ ที่ โอน ไม่ได้ เพราะโจทก์ จำเลย นัด กัน ไป ที่ สำนักงาน ที่ดิน อำเภอ เกาะลันตา ใน วันที่ 4มกราคม 2532 แต่ มีเหตุ ขัดข้อง เจ้าพนักงาน ที่ดิน จึง ไม่ จดทะเบียน โอนให้ เห็นว่า โจทก์ นำสืบ โดย มี ตัว โจทก์ กับ นาย ทวีสิน วงษ์ไทย สามี โจทก์ และ นาย หมาดสาด หรือประสาท วะเจดีย์ ผู้มีชื่อ ใน น.ส.3 ก. เอกสาร หมาย ล. 6 มา เบิกความ ใน ทำนอง เดียว กัน ว่า ใน วันที่ 5 มกราคม 2532ซึ่ง เป็น วันนัด โอน ทาง ทะเบียน และ ชำระ เงิน ส่วน ที่ เหลือ พยาน ทั้ง สาม คนไป ที่ สำนักงาน ที่ดิน อำเภอ เกาะลันตา รอ จำเลย อยู่ จน หมด เวลาราชการ ไม่พบ จำเลย จึง พา กัน กลับ แต่ ปรากฏ จาก คำเบิกความ ของ นาย หมาดสาด หรือ ประสาท ตอบ คำถามค้าน ว่า เฉพาะ ที่ดิน ตาม เอกสาร หมาย ล. 6ซึ่ง เป็น ของ พยาน นั้น ยัง ไม่ได้ โอน ให้ แก่ โจทก์ เนื่องจาก มี คดี อยู่ กับนาง พิมพา จึง ไม่สามารถ จดทะเบียน โอน ให้ แก่ โจทก์ ได้ ศาล พิพากษา ให้ พยาน แพ้ คดี ตาม เอกสาร หมาย ล. 1 ใน วันที่ 5 มกราคม 2532 ก็ ยังไม่สามารถ ที่ จะ โอน ที่ดิน ของ พยาน ตาม เอกสาร หมาย ล. 6 ให้ แก่ จำเลย ได้ที่ดิน ดังกล่าว ถูก อายัด ไว้ เนื่องจาก พยาน เป็น ความ กับ นาง พิมพา การ ทำ สัญญาจะซื้อจะขาย นั้น ผู้จะขาย ไม่จำเป็น ต้อง เป็น เจ้าของ ใน วัน ทำ สัญญาหาก คาดหมาย ว่า เมื่อ ถึง กำหนด เวลา ตาม สัญญา จะ สามารถ โอน ให้ แก่ ผู้ จะซื้อ ได้ แต่ พยานโจทก์ กลับ เบิกความ ว่า ใน วันนัด ไม่สามารถ โอน ที่ดิน ตามเอกสาร หมาย ล. 6 ให้ แก่ จำเลย ได้ แม้ จะ ปรากฏ ต่อมา ว่า ศาลอุทธรณ์ ภาค 3พิพากษากลับ คำพิพากษา ศาลชั้นต้น ตาม เอกสาร ท้าย ฎีกา ก็ เป็นเหตุที่ เกิด ภายหลัง วันนัด สัญญาจะซื้อจะขาย เป็น สัญญาต่างตอบแทน โดย ผู้ จะขาย ตกลง จะขาย ที่ดิน ตาม สัญญา และ ผู้จะซื้อ ตกลง ว่า จะ ชำระ เงินตาม ที่ ตกลง กัน ใน การ พิจารณา ว่า ฝ่ายใด ผิดนัด หรือไม่ นั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 210 บัญญัติ ว่า “ถ้า ลูกหนี้ จำต้องชำระหนี้ ส่วน ของ ตน ต่อเมื่อ เจ้าหนี้ ชำระหนี้ ตอบแทน ด้วย ไซร้ แม้ ถึง ว่าเจ้าหนี้ จะ ได้ เตรียม พร้อม ที่ จะ รับชำระหนี้ ตาม ที่ ลูกหนี้ ขอ ปฏิบัตินั้น แล้ว ก็ ดี หาก ไม่ เสนอ ที่ จะ ทำการ ชำระหนี้ ตอบแทน ตาม ที่ จะ พึง ต้อง ทำเจ้าหนี้ ก็ เป็น อัน ได้ ชื่อ ว่า ผิดนัด ” และ ใน ทาง กลับกัน มาตรา 211บัญญัติ ว่า “ใน เวลา ที่ ลูกหนี้ ขอ ปฏิบัติการ ชำระหนี้ นั้น ก็ ดี หรือ ในเวลา ที่ กำหนด ไว้ ให้ เจ้าหนี้ ทำการ อย่างใด อย่างหนึ่ง โดย กรณี ที่บัญญัติ ไว้ ใน มาตรา 209 นั้น ก็ ดี ถ้า ลูกหนี้ มิได้ อยู่ ใน ฐานะ ที่ จะสามารถ ชำระหนี้ ได้ ไซร้ ท่าน ว่า เจ้าหนี้ ยัง หา ผิดนัด ไม่ ” เมื่อข้อเท็จจริง ที่ นำสืบ รับ กัน ว่า ที่ดิน ตาม สัญญาจะซื้อจะขาย หมาย จ. 2 รวมถึง ที่ดิน ตาม เอกสาร หมาย ล. 6 ด้วย เมื่อ โจทก์ ไม่สามารถ จดทะเบียนโอน ให้ แก่ จำเลย ได้ ไม่ว่า กรณี จะ เป็น อย่างไร จำเลย ก็ ไม่ได้เป็น ผู้ผิดนัด โจทก์ จึง ไม่มี อำนาจฟ้อง เรียก หนังสือ รับรอง การ ทำประโยชน์ (น.ส.3 ก. ) คืน จาก จำเลย ไม่จำต้อง วินิจฉัย ปัญหา อื่น ที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษา มา นั้น ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ใน ผล ฎีกา โจทก์ ฟังไม่ ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share