แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นผู้จัดการร้านขายรถจักรยานได้เขียนใบส่งสิ่งของขึ้นเองหรือสั่งให้คนในร้านทำขึ้นตามหน้าที่ของผู้จัดการไม่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้ใด เพียงแต่จำเลยทำเป็นหนังสือของจำเลยเอง อันมีข้อความเป็นเท็จเท่านั้น ไม่ได้ปลอมเป็นหนังสือของผู้อื่นใดเลย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ (อ้างฎีกาที่ 399/2485,1411/2494)
ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์แล้วเพราะผู้ต้องหาจะยอมใช้เงิน ภายหลังผู้เสียหายจะกลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีกหาได้ไม่สิทธินำคดีมาฟ้องของผู้เสียหายย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการร้าน ต.นคร ขายรถจักรยาน 2 ล้อ และเครื่องอาหลั่ย มีหน้าที่เขียนใบส่งของพร้อมทั้งสำเนาแสดงรายการสิ่งของชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อเชื่อ จำนวนเงินที่ซื้อเชื่อแล้วลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 หรือผู้ที่จำเลยที่ 1 ใช้ให้เขียนลงชื่อกำกับไว้ท้ายจำนวนเงินที่ซื้อเชื่อ แล้วมอบหรือนำไปซึ่งสิ่งของที่ซื้อเชื่อพร้อมทั้งสำเนาใบส่งให้ผู้ซื้อเชื่อรับไปเพื่อเป็นหลักฐานว่า ใบส่งของและสำเนาใบส่งของนั้นเป็นเอกสารแสดงหนี้สินระหว่างร้าน ต.นคร และผู้ซื้อเชื่อ ซึ่งความจริงเจ้าของร้านที่ปรากฏในใบส่งของไม่ได้สั่งหรือตกลงซื้อ และไม่ได้เซ็นรับสิ่งของต่างตามใบส่งของ สิ่งของตามใบส่งของนั้น ๆ จำเลยที่ 1ได้เอาไปจากร้าน ต.นครแล้วไปขายให้แก่ร้านค้าอื่นแล้วยักยอกเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ส่วนตัว จำเลยที่ 2 เข้ามาพัวพันกับสิ่งของตามใบสั่งหมายเลข 7 แต่จำเลยได้ชำระเงินให้ร้าน ต.นครแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองฐานปลอมหนังสือและยักยอก
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาเฉพาะจำเลยที่ 1
ศาลฎีกาเห็นว่า ใบส่งของเป็นหนังสือที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการร้าน ต.นครทำขึ้นหรือเป็นหนังสือที่จำเลยที่ 1 สั่งให้คนในร้านทำขึ้นตามหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการ ไม่มีการปลอมลายมือชื่อผู้ใด เพียงแต่จำเลยที่ 1 ทำเป็นหนังสือของจำเลยเองอันมีข้อความเป็นเท็จเท่านั้น ไม่ได้ปลอมเป็นหนังสือของผู้อื่นใดเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ
สำหรับความผิดฐานยักยอกนั้น นางอนงค์ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์แล้วต่อมานางอนงค์ได้มาขอถอนคำร้องทุกข์ เพราะจำเลยที่ 1 ยอมใช้เงิน แล้วต่อมานางอนงค์ได้กลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีกหาได้ไม่ สิทธินำคดีอาญาส่วนตัวมาฟ้องย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
พิพากษายืน