แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของทำยอมความในศาลให้เขาอาศัยในโรงเรือนและมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว ต่อมาเจ้าของโอนโรงเรือนให้คนอื่นโดยเสน่หา แม้ผู้อาศัยยังมิได้จดทะเบียน ผู้รับโอนก็ฟ้องขับไล่ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มารดาโจทก์ได้ยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ขายเฉพาะที่ดินให้ผู้อื่นไป จึงจำเป็นต้องรื้อเรือน แต่เรือนหลังนี้มารดาโจทก์ให้จำเลยอาศัยจึงขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือน
คู่ความรับกันว่า ที่รายนี้เป็นที่มีโฉนด มารดาโจทก์ทำยอมความกับจำเลยยอมให้จำเลยอาศัยในโรงเรือนรายพิพาทตลอดชีวิตต่อมามีการโอนกันดังฟ้องของโจทก์ ฝ่ายจำเลยกล่าวว่า โจทก์กับมารดาสมยอมกัน
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า สิทธิอาศัยของจำเลยมิได้จดทะเบียนจึงไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 และพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดินฉบับที่ 2 พ.ศ. 2459 จึงพิพากษาขับไล่
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่า สิทธิอาศัยที่จำเลยได้มาตามสัญญายอมความนั้นไม่เรียกว่าเป็นการได้มาโดยนิติกรรมตามธรรมดา เป็นการได้มาโดยความในศาลและโดยมีคำพิพากษาตามยอม ศาลบังคับคดีตามยอมได้ซึ่งบัดนี้ยังอยู่ภายในกำหนดบังคับ โจทก์ได้รับโอนจากมารดาโดยเสน่หาจำเลยยักสิทธิอาศัยขึ้นต่อสู้ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์