คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4820/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้จดรายงานกระบวนพิจารณาสั่งให้จำเลยที่ 1นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาในวันอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ฟัง แต่ได้มีคำสั่งในใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1ที่ได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำบัญชีพยานที่จะใช้ไต่สวนคำร้องดังกล่าวไปยื่นว่า “ให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่โจทก์ภายใน 7 วัน การส่งหากไม่มีผู้รับแทนให้ปิดหมาย” แม้ในใบมอบฉันทะดังกล่าวมีข้อความระบุว่าให้เสมียนทนายฟังและทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ตาม จะถือว่าเสมียนทนายได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวด้วยไม่ได้ แม้ศาลชั้นต้นจะมีอำนาจสั่งในใบมอบฉันทะฉบับนั้นได้ก็ตาม แต่ก็เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะต้องแจ้งคำสั่งเพิ่มเติมนั้นให้แก่จำเลยที่ 1 หรือทนายจำเลยที่ 1 ทราบโดยตรง มิฉะนั้นจะถือว่าทราบคำสั่งนั้นแล้วไม่ได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้แจ้งคำสั่งให้ทราบ ศาลชั้นต้นจะถือเอาเหตุที่เสมียนทนายจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ทนายจำเลยที่ 1ทราบมาเป็นเหตุแห่งความผิดของจำเลยที่ 1 แล้วสั่งว่าจำเลยที่ 1ทิ้งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2ให้ร่วมกันรับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระหนี้ให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์โดยขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์อย่างคนอนาถา หากจำเลยที่ 1 ประสงค์จะอุทธรณ์ให้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมวางศาลภายใน 7 วัน จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ในวันนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมาฟังแทนส่วนโจทก์ไม่มาฟัง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องขออนาถาของจำเลยที่ 1 และให้ออกหมายนัดแจ้งวันไต่สวนให้โจทก์ทราบ ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2535 ทนายจำเลยที่ 1 มอบฉันทะให้เสมียนทนายคนเดียวกันมายื่นบัญชีพยานชั้นไต่สวนอนาถา ฟังและรับทราบคำสั่งศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่โจทก์ภายใน 7 วัน วันที่ 17 มีนาคม 2535รองจ่าศาลชั้นต้นรายงานศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 1 ไม่นำส่งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1ทิ้งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่าเดิมศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนในข้อยากจนของจำเลยที่ 1เสียก่อน แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2535ซึ่งเป็นวันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ฟังศาลชั้นต้นเพียงแต่จดรายงานกระบวนพิจารณาทางด้านหลังของคำสั่งศาลอุทธรณ์อ่านให้จำเลยที่ 1 ฟังว่า ให้นัดไต่สวนอนาถาหมายแจ้งวันนัดให้ทนายโจทก์ทราบ โดยที่ศาลชั้นต้นมิได้จดรายงานกระบวนพิจารณาสั่งให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่โจทก์ทราบด้วย ศาลชั้นต้นเพิ่งเกษียณสั่งในใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 ที่มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำบัญชีพยานของจำเลยที่ 1ที่จะสืบในชั้นไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาไปยื่นต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2535 ว่า ให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่ทนายโจทก์ภายใน 7 วัน การส่งหากไม่มีผู้รับแทนให้ปิดหมายเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 อ้างว่าไม่ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาหรือไม่ เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่ได้จดรายงานกระบวนพิจารณาสั่งให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาในวันอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 1 ฟัง คงจะเป็นเพราะความพลั้งเผลอของศาลชั้นต้นเอง ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 ที่ได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำบัญชีพยานที่จะใช้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาไปยื่นต่อศาลชั้นต้นในวันที่6 มีนาคม 2535 ว่า “ให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่โจทก์ภายใน 7 วัน การส่งหากไม่มีผู้รับแทนให้ปิดหมาย” แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในใบมอบฉันทะดังกล่าว ในวันที่เสมียนทนายนำใบมอบฉันทะนั้นไปยื่นต่อศาลชั้นต้น และใบมอบฉันทะฉบับนั้น มีข้อความระบุว่าให้เสมียนทนายฟังและรับทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ตาม จะถือว่าเสมียนทนายจำเลยที่ 1 ผู้นำใบมอบฉันทะไปยื่นต่อศาลชั้นต้นได้ทราบคำสั่งเรื่องที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 1 ให้แก่ทนายโจทก์ ภายในกำหนด 7 วันด้วยไม่ได้ เพราะตามใบมอบฉันทะฉบับลงวันที่ 6 มีนาคม 2535แปลความได้ว่า เสมียนทนายจำเลยที่ 1 มีหน้าที่เพียงฟังและรับทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นว่าจะสั่งรับหรือไม่รับบัญชีพยานของจำเลยที่ 1หรือไม่เท่านั้น จะแปลความรวมไปถึงว่าเสมียนทนายจำเลยที่ 1จะต้องรับทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นในเรื่องอื่นด้วยไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่ทนายโจทก์ภายในกำหนด 7 วัน เพิ่มเติมมาในใบมอบฉันทะดังกล่าว ซึ่งแม้ศาลชั้นต้นจะมีอำนาจสั่งในใบมอบฉันทะฉบับนั้นได้ก็ตาม แต่เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะต้องแจ้งคำสั่งเพิ่มเติมนั้นให้แก่จำเลยที่ 1 หรือทนายจำเลยที่ 1 ทราบโดยตรงมิฉะนั้นจะถือว่า จำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 1 ทราบคำสั่งนั้นแล้วไม่ได้ เมื่อศาลชั้นต้นไม่ได้แจ้งคำสั่งให้จำเลยที่ 1 หรือทนายจำเลยที่ 1 ทราบเรื่องที่จะให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่ทนายโจทก์ทราบ ศาลชั้นต้นจะถือเอาเหตุที่เสมียนทนายจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ทนายจำเลยที่ 1 ทราบมาเป็นเหตุแห่งความผิดของจำเลยที่ 1 สั่งว่าจำเลยที่ 1ทิ้งคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาไม่ได้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาให้แก่ทนายโจทก์ทราบแล้วดำเนินการต่อไป

Share