แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วน 5 คนรวมทั้ง อ.ได้ร่วมกันลงชื่อในใบมอบอำนาจให้ พ.ผู้เป็นหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งเป็นโจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับกิจการของหุ้นส่วนตามสัญญาเข้าหุ้นส่วนซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีผลประโยชน์ร่วมกันนั้น ย่อมถือว่า พ.ฟ้องคดีในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญเพื่อประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคน หาใช่ฟ้องคดีแทนผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะไม่ ฉะนั้นหากจะมีการถอนการมอบอำนาจให้ พ.เป็นโจทก์ฟ้องคดี ก็ชอบที่จะกระทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนร่วมกันขอถอนหรือกระทำโดยเสียงข้างมาก ผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยจะขอถอนใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีโดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นซึ่งเป็นเสียงข้างมากมิได้ยินยอมด้วยหาได้ไม่ ฉะนั้น การที่ อ.ผู้เป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวยื่นคำร้องขอถอนการมอบอำนาจโดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ มิได้ยินยอมด้วย จึงหาทำให้การมอบอำนาจให้ พ.ฟ้องคดีตามใบมอบอำนาจเสียไปไม่และหามีผลทำให้ อ.กลับเข้ามาเป็นโจทก์ด้วยตนเองไม่ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเพราะ พ.ขอถอนฟ้อง แม้ อ.จะได้ยื่นคำร้องของถอนการมอบอำนาจไว้ก่อนศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีก็ตาม อ.ก็ไม่มีสิทธิขอเป็นโจทก์ดำเนินคดีต่อไปได้
ย่อยาว
คดีนี้นายพยอม พุทธลีลาศ เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสอง ในฐานะส่วนตัวโจทก์ที่ ๑ และฐานะหุ้นส่วนผู้รับมอบอำนาจจากบรรดาหุ้นส่วนโจทก์ที่ ๒ บังคับให้จำเลยโอนที่ดินให้ตามสัญญา
จำเลยทั้งสองให้การสู้คดี
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายอุดร วัฒยานนท์ หุ้นส่วนคนหนึ่งที่มอบอำนาจให้นายพยอมเป็นโจทก์ฟ้องคดียื่นคำร้องขอถอนการมอบอำนาจที่ได้มอบให้นายพยอมเป็นตัวแทนฟ้องคดีและขอเป็นโจทก์ดำเนินคดีเอง ยังไม่ทันที่ศาลชั้นต้นจะสั่งคำร้องของนายอุดร นายพยอมโจทก์ก็มาถอนฟ้องโดยอ้างว่าตกลงกับจำเลยระงับข้อพิพาทกันแล้ว จำเลยไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีของโจทก์
นายอุดรยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ถอนฟ้องไปทั้งหมดโดยนายอุดรขอเป็นโจทก์ดำเนินคดีต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ นายอุดรอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของนายอุดรไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อนายอุดรถอนการมอบอำนาจจากการเป็นตัวแทนฟ้องคดีแล้ว นายพยอมจึงไม่มีอำนาจมาถอนฟ้องที่อ้างว่าได้ตกลงประนีประนอมกับจำเลยเกี่ยวกับนายอุดร ฟ้องของนายอุดรจึงยังมีอยู่ พิพากษาแก้ให้ศาลชั้นต้นดำเนินคดีระหว่างนายอุดร วัฒยานนท์ ในฐานะเป็นโจทก์กับจำเลยทั้งสองต่อไปนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า คดีนี้ปรากฏว่าผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดมี ๕ คน รวมทั้งผู้ร้องผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดได้ร่วมกันลงชื่อมอบอำนาจให้นายพยอม พุทธลีลาศ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีนี้ในฐานะเป็นโจทก์ที่ ๒ เกี่ยวกับกิจการของหุ้นส่วนตามสัญญาเข้าหุ้นส่วนซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนมีผลประโยชน์ร่วมกัน การที่หุ้นส่วนทุกคนตกลงพร้อมใจกันมอบอำนาจให้นายพยอมฟ้องคดีเกี่ยวกับกิจการของหุ้นส่วนร่วมกันเช่นนี้ ย่อมถือว่านายพยอมในฐานะโจทก์ที่ ๒ ฟ้องคดีในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญ เพื่อประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนหาใช่ฟ้องคดีแทนผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะไม่ ฉะนั้น หากจะมีการถอนการมอบอำนาจให้นายพยอมเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ ก็ชอบที่จะกระทำโดยผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนร่วมกันขอถอนใบมอบอำนาจนั้นเสีย หรือกระทำโดยเสียงข้างมากผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งคนใดซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยจะขอถอนใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดีโดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่นซึ่งเป็นเสียงข้างมากมิได้ยินยอมด้วยหาได้ไม่ ฉะนั้น การที่นายอุดรผู้เป็นหุ้นส่วนแต่เพียงคนเดียวยื่นคำร้องขอถอนการมอบอำนาจโดยผู้เป็นหุ้นส่วนคนอื่น ๆ มิได้ยินยอมด้วย จึงหาทำให้การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีตามใบมอบอำนาจในคดีนี้เสียไปไม่ และหามีผลทำให้นายอุดรกลับเข้ามาเป็นโจทก์ด้วยตนเองไม่ นายอุดรซึ่งไม่มีฐานะเป็นคู่ความในคดี จึงไม่มีสิทธิที่จะขอเข้ามาดำเนินคดีหลังจากศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีแล้ว
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำสั่งของศาลชั้นต้น