แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นสมุห์บัญชีอำเภอ ไปเร่งรัดภาษีจากผู้ค้างภาษี ผู้ค้างภาษีจึงได้ชำระเงินภาษีให้จำเลยมา จำเลยหาได้ส่งเงินดังกล่าวต่อกรรมการรักษาเงินหรือต่อคลังจังหวัดตามระเบียบไม่ จำเลยกลับนำเงินเหล่านั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 151 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 3, 7 แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะส่งเงินทะยอยคืน ก็หาทำให้การกระทำของจำเลยที่เกิดเป็นความผิดขึ้นแล้วกลับกลายเป็นไม่เป็นความผิดไม่
เงินภาษีอากรที่จำเลยเก็บมาดังกล่าวเป็นของรัฐบาล เมื่อจำเลยยักยอกเอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย รัฐบาลย่อมเป็นผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีตำแหน่งเป็นสมุห์บัญชีอำเภอ จำเลยได้เก็บและรับเงินภาษีอากร ภาษีเงินได้และภาษีการค้าซึ่งเป็นเงินของรัฐไว้จากผู้เสียภาษี แล้วไม่ออกใบรับให้ แล้วจำเลยได้ยักยอกเอาเงินภาษีอากรดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗, ๑๕๑, ๑๕๗ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๓, ๗, ๑๓ และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ทรัพย์ ๔๓๑ บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เงินที่จำเลยรับมาเป็นเพียงเงินที่จำเลยรับฝากมา การที่จำเลยไม่ออกใบเสร็จไม่ลงบัญชี ไม่มอบคณะกรรมการและไม่นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ จึงหาเป็นผิดดังโจทก์หาแต่อย่างใดไม่ รัฐไม่ใช่ผู้เสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้รับเงินจากผู้มีชื่อโดยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบ ต่อเมื่อมีเรื่องร้องเรียนกล่าวหาจำเลยและสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลย จำเลยจึงได้ส่งเงินทะยอยให้เป็นค่าภาษีอากรตามจำนวนที่จำเลยได้รับไว้แต่ละราย แต่ก็ยังขาดอยู่บ้าง ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗, ๑๕๑ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๓, ๗ ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุก ๕ ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๔๓๑ บาทแก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยไปเร่งรัดภาษีจากผู้ค้างภาษี ผู้ค้างภาษีจึงได้ชำระเงินภาษีให้จำเลยมา จำเลยหาได้ส่งเงินดังกล่าวต่อกรรมการรักษาเงินหรือต่อคลังจังหวัดตามระเบียบไม่ จำเลยกลับนำเงินเหล่านั้นไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย จำเลยจึงต้องมีความผิดตามฟ้อง การที่จำเลยส่งเงินทะยอยคืนมาหาทำให้การกระทำของจำเลยที่เกิดเป็นความผิดขึ้นแล้วดังกล่าวข้างต้นกลับกลายเป็นไม่เป็นความผิดไม่ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้รับฝากเงินจากผู้ค้างภาษีเป็นส่วนตัวมิใช่เป็นเงินรัฐบาลนั้น เห็นว่า จำเลยในฐานะสมุห์บัญชีอำเภอไปเรียกเก็บภาษีอากรมา เงินภาษีอากรที่จำเลยเก็บมาดังกล่าวเป็นของรัฐบาล เมื่อจำเลยยักยอกเอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย รัฐบาลย่อมเป็นผู้เสียหาย ที่จำเลยฎีกาขอลดหย่อนผ่อนโทษนั้น เนื่องจากจำเลยยักยอกเงินไม่มากและรู้สึกสำนึกความผิดได้พยายามบรรเทาผลร้ายโดยพยายามส่งเงินคืนมาชำระเกือบครบจำนวน สมควรลดโทษให้จำเลย
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยไว้ ๒ ปี ๖ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.