แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้จำเลยโดยเป็นผู้ติดต่อสายการบินทำการขนส่งให้ติดต่อเกี่ยวกับพิธี การศุลกากรเป็นการกระทำแทนจำเลยทั้งสิ้น มิใช่กระทำในนามของโจทก์เองโดยตรง ใบตราส่งซึ่งเป็นของสายการบินก็ระบุว่าจำเลยในนามโจทก์เป็นผู้ส่งของทั้งรายการในใบเสร็จรับเงินหมาย ล. 13 ที่โจทก์เรียกเก็บเงินจากจำเลยก็ระบุค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จ่ายแทนจำเลยไว้แยกต่างหากจากค่าบริการของโจทก์ ลักษณะการประกอบกิจการของโจทก์เป็นการให้บริการในการจัดส่งสินค้ายิ่งกว่าเป็นผู้ขนส่งเสียเอง ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาตัวแทนมิใช่รับขน การที่สินค้าของจำเลยสูญหายเสียหายหรือถึงที่หมายล่าช้าเนื่องจากการขนส่งของสายการบินโดยไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2528 จำเลยได้มอบหมายให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการติดต่อจัดส่งสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศบรูไน โดยทางเครื่องบิน จำนวน 2 หีบห่อ โจทก์ได้ดำเนินการให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้จ่ายเงินทดรองเป็นค่าระวางขนส่งสินค้าทางอากาศ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แทนจำเลย กับทั้งโจทก์ของเรียกเก็บค่าบริการของโจทก์ด้วย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,545 บาทแต่จำเลยไม่ยอมชำระ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องจำนวน 12,764 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 12,545 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยได้มอบหมายให้โจทก์ติดต่อส่งสินค้าของจำเลยจากประเทศไทยไปยังประเทศบรูไน โดยทางเครื่องบินจริง แต่สินค้าที่โจทก์จัดส่งนั้น ไปถึงประเทศบรูไนล่าช้ากว่ากำหนดและสินค้าบางอย่างแตกหัก และสูญหายเป็นจำนวนมากทำให้จำเลยไม่สามารถขายสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ และทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าใช้จ่ายในการส่งสินค้าขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ดจำเลยชำระเงิน 12,545 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2529ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2528 โจทก์ได้จัดส่งสินค้าของจำเลยจากประเทศไทยไปยังประเทศบูรไน โดยทางเครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ตามใบตราส่งเอกสารหมายล.11 โจทก์ได้จ่ายเงินทดรองเป็นค่าระวางขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แทนจำเลยไปจำนวน 12,345 บาท และค่าบริการของโจทก์อีก 200 บาท รวมเป็นเงิน 12,545 บาท ตามใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.13 ตามหมายกำหนดการสินค้าของจำเลยจะไปถึงประเทศบรูไนในวันที่ 17 ธันวาคม 2528 แต่ปรากฎว่าสินค้าไปถึงประเทศบรูไนเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2528 อันเป็นการล่าช้ากว่ากำหนด
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มิได้เป็นผู้รับขนส่งสินค้าให้แก่จำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย หากแต่เป็นนายหน้าหรือตัวแทนของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นปรากฏว่า โจทก์ไม่ได้ทำการชี้ช่องให้จำเลยเข้าทำสัญญากับผู้ใด และไม่ได้จัดการให้จำเลยได้ทำสัญญากับผู้ใดด้วย การกระทำของโจทก์จึงไม่เข้าลักษณะนายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 845 ส่วนข้อที่โจทก์อ้างว่า โจทก์เป็นตัวแทนของจำเลยนั้นประเด็นนี้โจทก์ได้กล่าวไว้ในคำแก้อุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ จึงเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน เห็นว่า พฤติการณ์ระหว่างโจทก์จำเลยที่โจทก์เป็นผู้จัดส่งสินค้าให้จำเลยโดยเป็นผู้ติดต่อสายการบินทำการขนส่งให้ติดต่อเกี่ยวกับพิธีการศุลกากร เป็นการกระทำแทนจำเลยทั้งสิ้นมิใช่กระทำในนามของโจทก์เองโดยตรงดังจะเห็นได้จากใบตราส่งเอกสารหมาย ล.11 ซึ่งเป็นของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ระบุว่าจำเลยในนามโจทก์เป็นผู้ส่งของ ทั้งรายการในใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.13 ที่โจทก์เรียกเก็บเงินจากจำเลยเกี่ยวกับการจัดส่งสินค้าคดีนี้ ก็ได้ระบุค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จ่ายแทนจำเลยไว้ว่า มีค่าระวางสินค้าทางอากาศ ค่าล่วงเวลาศุลกากร เปิดศุลกสถาน ค่าอากรค่านายตรวจ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่าธรรมเนียมคลังสินค้า ค่ารถบรรทุกและอื่น ๆ แยกต่างหากจากค่าบริการของโจทก์ ยิ่งแสดงให้เห็นชัดว่าโจทก์คิดแต่เพียงค่าบริการในการจัดส่งสินค้าให้ดจำเลยเท่านั้น มิได้คิดค่าระวางพาหนะในฐานะเป็นผู้ขนส่งแต่อย่างใด ลักษณะการประกอบกิจการของโจทก์ดังกล่าวเป็นการให้บริการในการจัดส่งสินค้ายิ่งกว่าเป็นผู้ขนส่งเสียเอง เพราะไม่มีการกระทำอันแสดงว่า โจทก์ตกลงขนของหรือสินค้าไปส่งให้แก่ผู้รับตราส่งเพื่อบำเหน็จ ซึ่งได้แก่ค่าระวางพาหนะและโจทก์ได้ออกใบตราส่งเองแต่อย่างใด ความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยมีลักษณะเป็นสัญญาตัวแทนมิใช่รับขน การที่สินค้าของจำเลยสูญหายเสียหายหรือถึงที่หมายล่าช้า เนื่องจากการขนส่งของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ โดยไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความประเมินเลินเล่อของโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิดชอบ จำเลยต้องชดใช้เงินทดรองและค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้ออกไปเนื่องในการจัดทำกิจการแก่โจทก์พร้อมทั้งบำเหน็จตามสัญญา…”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.