แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 6 บัญญัติให้ผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานที่ตนได้สร้างสรรค์ขึ้นและมาตรา 4 ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า “ผู้สร้างสรรค์” ไว้ว่าหมายถึง ผู้ทำหรือก่อให้เกิดงานโดยความคิดริเริ่มของตนเอง จากคำจำกัดความดังกล่าวผู้ที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างสรรค์นั้น จะต้องเป็นผู้ที่ทำหรือก่อให้เกิดงานขึ้นจากความคิดริเริ่มด้วยตนเองมิใช่เป็นการลอกเลียนแบบจากของจริง จากธรรมชาติ หรือลอกเลียนแบบจากงานของผู้อื่นทั้งที่ปรากฏเป็นรูปร่างหรือภาพถ่าย
งานที่โจทก์อ้างว่าโจทก์มีลิขสิทธิ์ตามฟ้องนั้น เป็นงานที่เกิดจากการถอดรูปแบบมาจากของจริงตามธรรมชาติบ้าง ลอกเลียนแบบจากความคิดริเริ่มของผู้อื่นที่ได้สร้างสรรค์ไว้แล้วบ้าง และลอกเลียนแบบจากนิตยสารอื่น ๆ บ้าง งานของโจทก์ดังกล่าวจึงมิใช่เป็นงานที่โจทก์สร้างสรรค์ขึ้นโดยความคิดริเริ่มของโจทก์เองโจทก์จึงมิใช่ผู้สร้างสรรค์ตามความหมายแห่งมาตรา 4 ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 จึงไม่มีลิขสิทธิ์ในแบบรูปปั้นหล่อทองเหลืองตามฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์ ทำหรือก่อให้เกิดงานศิลปกรรมประเภทประติมากรรม สร้างสรรค์รูปทรงที่เกี่ยวกับปริมาตรที่สัมผัสและจับต้องได้ และโจทก์ได้ทำหนังสือแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ของรายชื่อผลงานประติมากรรมไปให้กรมศิลปากรทราบ ทั้งออกเอกสารเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบแล้ว จำเลยทั้งสองได้รวมกันทำซ้ำและคัดแปลงผลงานประติมากรรมรูปปั้นหล่อทองเหลืองประเภทรูปนกและรูปคนรวม ๕ รายการของโจทก์ เพื่อนำออกจำหน่ายทางการค้าโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นงานที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๒๔, ๒๗, ๔๓ และ ๔๔
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ ์ พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๒๔(๑), ๒๗(๑), ๔๓ วรรคสองและ ๔๔ วรรคสอง การกระทำของจำเลยที่ ๑ เป็นความผิดสองกรรมเรียงกระทงลงโทษ โดยให้จำคุกกระทงละ ๖ เดือนและปรับกระทงละ๑๐๐,๐๐๐ บาท รวมสองกระทง จำคุก ๑๒ เดือน และปรับ ๒๐๐,๐๐๐ บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๕๖ หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่าโจทก์เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในผลงานแบบรูปปั้นหล่อทองเหลืองตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑มาตรา ๖ บัญญัติให้ผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานที่ตนได้สร้างสรรค์ขึ้นและมาตรา ๔ ได้ให้คำจำกัดความของคำว่า”ผู้สร้างสรรค์” ไว้ว่า หมายความถึง ผู้ทำหรือก่อให้เกิดงานโดยความคิดริเริ่มของตนเอง จากคำจำกัดความดังกล่าว ผู้ที่จะได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างสรรค์นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ทำหรือก่อให้เกิดงานขึ้นจากความคิดริเริ่มด้วยตนเอง มิใช่เป็นการลอกเลียนแบบจากของจริงจากธรรมชาติ หรือลอกเลียนแบบจากงานของผู้อื่นทั่งที่ปรากฏเป็นรูปร่างหรือภาพถ่าย ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าโจทก์เป็นผู้สร้างสรรค์งานอันเป็นแบบรูปปั้นหล่อทองเหลืองตามฟ้องหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความของตัวโจทก์เองที่เบิกความตอบทนายจำเลยที่ ๑ ถามค้านว่าแบบรูปปั้นหล่อทองเหลืองของโจทก์ตามฟ้องโจทก์ได้สร้างขึ้นจากประสบการณ์ที่ดูจากของจริง ดูจากธรรมชาติ ดูจากของที่คนอื่นทำขึ้นดูจากตำราและนิตยสารอื่น และได้ความจากคำเบิกความของนายนนทิวรรธน์จันทนะผะสิน พยานของโจทก์เองซึ่งเป็นคณบดีคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเบิกความตอบทนายจำเลยที่ ๑ถามค้านว่า วัตถุพยานที่เป็นพวกยิมนาสติกก็ดี ที่เป็นพวกสัตว์ก็ดีเป็นรูปแบบตามธรรมชาติที่มีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว จากคำเบิกความของตัวโจทก์และของนายนนทิวรรธน์พยานโจทก์ดังกล่าวแสดงว่างานที่โจทก์อ้างว่าโจทก์มีลิขสิทธิ์ตามฟ้องนั้น เป็นงานที่เกิดขึ้นจากการถอดรูปแบบมาจากของจริงตามธรรมชาติบ้าง ลอกเลียนแบบจากความคิดริเริ่มของผู้อื่นที่ได้สร้างสรรค์ไว้แล้วบ้าง และลอกเลียนแบบจากนิตยสารอื่น ๆ บ้าง งานของโจทก์ดังกล่าวจึงมิใช่เป็นงานที่โจทก์สร้างสรรค์ขึ้นโดยความคิดริเริ่มของโจทก์เอง โจทก์จึงมิใช่เป็นผู้สร้างสรรค์ตามความหมายแห่งมาตรา ๔ ของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๒๑โจทก์จึงไม่มีลิขสิทธิ์ในแบบรูปปั้นหล่อทองเหลืองตามฟ้อง คดีจึงไม่มีทางที่จะลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ตามฟ้องได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำซ้ำหรือดัดแปลงงานของโจทก์หรือไม่ ทั้งไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ในข้ออื่นอีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไมีขึ้น
พิพากษายืน.