คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่ามีพระอาจารย์ดีบอกหวยได้ เคยบอกหวยแก่พวกของจำเลยถูกสลากกินรวบได้เงินนับล้านมาแล้ว ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงไปขอให้พระอาจารย์ (ซึ่งเป็นพวกของจำเลยปลอมตัวเป็นพระมา) บอกเบอร์หวยและมอบเงินให้แก่จำเลยเพื่อนำไปซื้อสลากกินรวบตามเลขที่พระอาจารย์บอก ดังนี้ การกระทำของผู้เสียหายจึงเป็นการร่วมกับจำเลยในการนำเงินไปซื้อสลากกินรวบอันเป็นการพนันทรัพย์สินที่ผิดกฎหมาย ถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นผู้ใช้ให้จำเลยกระทำความผิดอาญา จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงแก่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้บังอาจสมคบกันหลอกลวงนางเข็มทอง นรินทร์กับพวกผู้เสียหายรวม 3 คน ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่ามีพระอาจารย์ดีให้หวยสลากกินรวบแม่นยำพวกจำเลยเคยถูกมาแล้วหลายล้านบาท แล้วให้พวกของจำเลยคนหนึ่งปลอมเป็นพระหมอดูทำนายโชคชะตาของผู้เสียหาย บอกเลขสลากกินรวบแก่พวกผู้เสียหายและแนะนำให้พวกผู้เสียหายมอบเงินให้จำเลยกับพวกนำไปซื้อสลากกินรวบ ผู้เสียหายหลงเชื่อได้มอบเงินให้แก่จำเลยกับพวกรวม 96,220 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 และขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าผู้เสียหายไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกับพวกได้ใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายทั้งสามด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่ามีพระอาจารย์ดีบอกหวยได้เคยบอกหวยแก่พวกของจำเลย พวกของจำเลยซื้อสลากกินรวบถูกรางวัลได้เงินนับล้านบาทมาแล้ว ผู้เสียหายทั้งสามหลงเชื่อ จึงไปขอให้พระอาจารย์บอกเบอร์หวยและมอบเงิน 96,220 บาทให้แก่จำเลยเพื่อนำไปซื้อสลากกินรวบตามเลขที่พระอาจารย์บอก ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อเท็จจริงดังกล่าว ผู้เสียหายทั้งสามได้มอบเงินให้แก่จำเลยเพื่อนำไปซื้อสลากกินรวบอันเป็นการพนันทรัพย์สินที่ผิดกฎหมายการกระทำของผู้เสียหายทั้งสาม จึงเป็นการร่วมกับจำเลยในการนำเงินไปซื้อสลากกินรวบอันอาจถือได้แล้วว่าผู้เสียหายทั้งสามเป็นผู้ใช้ให้จำเลยกระทำความผิดตามนัยมาตรา 84 แห่งประมวลกฎหมายอาญาผู้เสียหายทั้งสามจึงมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวในความผิดฐานฉ้อโกงซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งนี้เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 340/2506 คดีระหว่างนายหยด จันทร์เพ็ง โจทก์นายอยู่ ศรีเปรม จำเลย และคำพิพากษาฎีกาที่ 971/2508 คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดราชบุรี โจทก์ นางถนอม คุ่ยจั่น จำเลยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุนี้จึงชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share