คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดาซื้อที่ดินให้แก่ผู้เยาว์ หาใช่เพียงลงชื่อผู้เยาว์ไว้ในฐานะเป็นตัวแทนมารดาไม่ ที่ดินที่ซื้อจึงย่อมเป็นกรรมสิทธิของผู้เยาว์ ฉะนั้นเจ้าหนี้ของมารดาตามคำพิพากษาจะยึดเอาที่ดินของผู้เยาว์ดังกล่าวตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 282 วรรท้าย ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตามพิพากษาของศาลแล้วไม่ชำระ ทรัพย์สินของจำเลยไม่พอชำระหนี้ ที่ดินโฉนดที่ ๑๔๗๒ จำเลยเป็นผู้ซื้อไว้ แต่ลงชือบุตรของจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ จึงขอให้ศาล++ ว่า ที่ดินโฉนดที่ ๑๔๗๒ เป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับยึดมาชำระหนี้ ที่จำเลยเป็นลูกหนี้ได้ ฯลฯ
ศาลแพ่งพิพากษาว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๔๗๒ เป็นทรัพย์สินทีอาจบังคับยึดมาชำระหนี้ของโจทก์ได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๘๒ วรรคท้าย
จำเลยอุทธรณ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริง ฟังได้ว่าจำเลยซื้อที่ดินรายนี้ให้แก่ผู้เยาว์ทั้งสองนี้ หาใช่เพียงจำเลยลงชื่อผู้เยาว์ไว้ในฐานะตัวแทนของจำเลยไม่ เมื่อที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิของผู้เยาว์ทั้งสอง จะโดยจำเลยซื้อให้ก็ตาม โจทก์ก็หาอาจยึดมาเพื่อชำระหนี้ของจำเลยได้ไม่ เพราะทรัพย์สินของภรรยาหรือของบุตรผู้เยาว์ของบลูกหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งกล่าวไว้ตามบทบัญญัติมาตรา ๒๘๒ วรรคท้ายแห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง นั้น จะต้องเป็นทรัพย์สินซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือเป็นทรัพย์สินที่อาจบังคับเอาชำระหนี้ตามคำนั้นได้ แต่กรณีนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะตามกฎหมายไม่อาจถือได้ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นทรัพย์สินของจำเลย ฯลฯ
จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share