แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ศาลจะมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความแตกต่างกับฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192ได้นั้นจะต้องเป็นเรื่องที่คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายมาถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 158(1)-(7) เสียก่อน หากเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องโดยไม่จำต้องพิจารณาสืบพยานคู่ความแต่อย่างใด และกรณีดังกล่าวศาลย่อมไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,337 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11 และให้คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(11) (ที่ถูกต้องมาตรา 335(11) วรรคสอง) ให้จำคุก 3 ปีคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี คืนของกลางแก่เจ้าของ ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำฟ้องของโจทก์ในข้อหาลักทรัพย์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หรือไม่ เห็นว่าหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบรรยายฟ้องตามมาตรา 158(5) นั้น นอกจากโจทก์จะต้องบรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดแล้ว โจทก์ยังจะต้องบรรยายถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควร เท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามคำฟ้องคดีนี้ โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร แต่ระบุสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำผิดเฉพาะข้อหารับของโจรเท่านั้น เหตุเกิดที่ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำหรับข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ โจทก์หาได้บรรยายถึงสถานที่เกิดเหตุไม่ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ณ สถานที่แห่งใด อันจะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี และสามารถต่อสู้คดีของโจทก์ได้อย่างถูกต้อง ฟ้องโจทก์ในข้อหาลักทรัพย์จึงเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)ที่โจทก์ฎีกาว่า แม้โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพียงความผิดฐานรับของโจร หากทางพิจารณาได้ความว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลก็ปรับบทลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 คดีนี้โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานรับของโจรไว้ครบถ้วนกับบรรยายฟ้องด้วยว่า จำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์หรือรับของโจรและในชั้นพิจารณาจำเลยก็มิได้หลงต่อสู้หรือต้องเสียเปรียบในการต่อสู้คดีด้วย แม้โจทก์จะมิได้บรรยายสถานที่เกิดเหตุความผิดฐานลักทรัพย์มาด้วยก็ตาม แต่ฟ้องของโจทก์ก็ชอบด้วยมาตรา 158 ประกอบมาตรา 192 ที่ศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยได้นั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 ที่โจทก์อ้างนั้นเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับหลักเกณฑ์การบรรยายฟ้องตามมาตรา 158 การที่ศาลจะมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความแตกต่างกับฟ้องตามมาตรา 192 ได้นั้น จะต้องเป็นเรื่องที่คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายมาถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา158(1)-(7) เสียก่อน มิฉะนั้นย่อมเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องโดยไม่จำต้องพิจารณาสืบพยานคู่ความแต่อย่างใด ดังนั้น ในกรณีที่ฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องตามมาตรา 158ศาลย่อมไม่มีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความตามมาตรา 192 ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาลักทรัพย์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน