แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่27ธันวาคม2536และจำเลยทราบนัดแล้วแต่ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเมื่อวันที่21ธันวาคม2536ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องวันที่7พฤศจิกายน2536จึงได้ติดต่อโจทก์โจทก์นัดให้จำเลยมาทำยอมที่ศาลวันที่17ธันวาคม2536ครั้นถึงกำหนดนัดโจทก์ไม่มาศาลโจทก์หลอกลวงจำเลยเพื่อให้พ้นกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นสั่งคำร้องจำเลยในวันเดียวกันว่า”สำเนาให้โจทก์นัดไต่สวนให้จำเลยนำส่งภายใน7วันไม่พบหรือไม่มีผู้รับให้ปิด”ดังนี้จำเลยต้องนำส่งสำเนาให้แก่โจทก์ภายในวันที่28ธันวาคม2536ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะส่งหมายให้แก่โจทก์ได้หรือไม่หรืออาจจะต้องปิดหมายตามคำสั่งของศาลชั้นต้นกรณีถือได้ว่าจำเลยได้แจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การ เมื่อยังไม่ปรากฏว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่หรือมีเหตุสมควรประการอื่นใดศาลชอบที่จะได้ทำการไต่สวนเสียก่อนที่จะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามที่จำเลยร้องขอเมื่อศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนไว้แม้จะมิได้กำหนดวันนัดไต่สวนไว้ด้วยก็ต้องถือว่าคดีอยู่ระหว่างการนัดไต่สวนคำร้องวันนัดสืบพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในวันที่27ธันวาคม2536ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การให้แก่โจทก์ย่อมถือว่ายกเลิกไปโดยปริยายจนกว่าศาลชั้นต้นจะดำเนินการไต่สวนแล้วเสร็จและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การเสียก่อนการที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่27ธันวาคม2536ว่านัดสืบพยานโจทก์และนัดไต่สวนขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยจำเลยไม่มาศาลถือว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนคำร้องให้ฟังได้ว่าการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจและยกคำร้องนั้นจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา199วรรคหนึ่งและวรรคสองเพราะศาลชั้นต้นมิได้นัดไต่สวนคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยในวันดังกล่าวและการที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบเช่นกันเพราะคดียังอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอยื่นคำให้การแก่โจทก์และวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นอันยกเลิกไปแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 50,229 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 48,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นกำหนดนับสืบพยานโจทก์วันที่ 27 ธันวาคม 2536 ต่อมาวันที่ 21 ธันวาคม 2536 จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งว่านัดไต่สวนคำร้องโดยมิได้กำหนดวันนัด แต่ให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์ภายใน 7 วัน หากไม่พบหรือไม่มีผู้รับหมายโดยชอบให้ปิดหมาย
ในวันนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 27 ธันวาคม 2536 ศาลชั้นต้นถือว่าเป็นวันนัดไต่สวนด้วย จำเลยไม่มาศาล จึงมีคำสั่งว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ จึงยกคำร้องและมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาคดีโจทก์ฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 50,229 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 48,000 บาท นับถัดวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาตามคำร้องของจำเลยลงวันที่ 21 ธันวาคม 2536ต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าแม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ในวันที่ 27 ธันวาคม 2536 และจำเลยทราบนัดดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวจำเลยได้ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2536โดยอ้างว่า จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องของโจทก์วันที่ 7 พฤศจิกายน 2536 จึงได้ติดต่อโจทก์ โจทก์นัดให้จำเลยมาทำยอมที่ศาลวันที่ 17 ธันวาคม 2536 ครั้นถึงกำหนดนัดโจทก์ไม่มาศาล โจทก์หลอกลวงจำเลยเพื่อให้พ้นกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นสั่งคำร้องจำเลยในวันดังกล่าว “สำเนาให้โจทก์ นัดไต่สวนให้จำเลยนำส่งภายใน 7 วันไม่พบหรือไม่มีผู้รับให้ปิด” ดังนั้น ตามคำสั่งดังกล่าว จำเลยจะต้องนำส่งสำเนาให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2536 ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะส่งหมายให้แก่โจทก์ได้หรือไม่ หรืออาจจะต้องปิดหมายตามคำสั่งของศาลชั้นต้น และกรณีดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยได้แจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การทั้งข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏชัดว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่หรือว่าจำเลยมีเหตุสมควรประการอื่นอย่างใด ศาลชอบที่จะได้ทำการไต่สวนเสียก่อน ก่อนที่จะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ทั้งเมื่อปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนไว้ แม้จะมิได้กำหนดวันนัดไต่สวนไว้ด้วยก็ตาม ก็ต้องถือว่าคดีอยู่ระหว่างการนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าว ฉะนั้นที่ศาลชั้นต้นกำหนดวัดนัดสืบพยานโจทก์ไว้ในวันที่ 27 ธันวาคม 2536 ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การให้แก่โจทก์นั้น ย่อมถือว่ายกเลิกไปโดยปริยายจนกว่าศาลชั้นต้นจะดำเนินการไต่สวนแล้วเสร็จ และมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การเสียก่อน ที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 27 ธันวาคม 2536 ว่า นัดสืบพยานโจทก์และนัดไต่สวนขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลย จำเลยไม่มาศาลในวันดังกล่าวถือว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนคำร้องให้ฟังได้ว่าการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจและยกคำร้องนั้น จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคหนึ่งและวรรคสองเพราะศาลชั้นต้นมิได้นัดไต่สวนคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยในวันดังกล่าว และการที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว ก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบเช่นกันเพราะคดียังอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอยื่นคำให้การแก่โจทก์และวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นอันยกเลิกไปดังได้วินิจฉัยแล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน