คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1089/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกจ้างจุดไม้ขีดไฟเพื่อสูบบุหรี่ในขณะขนปี๊บหน่อไม้จากฉางขึ้นรถยนต์ตามคำสั่งของนายจ้าง หัวไม้ขีดที่กำลังติดไฟกระเด็นไปถูกปุยนุ่นและปอในฉาง ทำให้เกิดไฟไหม้ฉางและลามไปไหม้บ้านราษฎรเสียหาย ขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างกำลังมีอยู่ ต้องถือว่าการละเมิดเกิดขึ้นขณะในปฏิบัติงานในทางการที่จ้าง ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของลูกจ้างและไม่ไกลเกินกว่าเหตุ นายจ้างต้องรับผิด
กรณีดังกล่าว หากลูกจ้างใช้ความระมัดระวัง โดยพิเคราะห์ดูว่าปุยนุ่นและปอเป็นวัตถุที่ไวต่อการลุกไหม้แล้ว เหตุก็จะไม่เกิดขึ้นได้ กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุอันจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ได้อุทธรณ์ว่าผู้ทำละเมิดมิใช่ลูกจ้างของตน ปัญหาข้อนี้จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา 249 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ เป็นนายจ้างจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ได้ขนปี๊บหน่อไม้ในทางการที่จ้าง ระหว่างการขนในฉางของจำเลยที่ ๒นั้น จำเลยได้ ๑ ได้ขีดไม้ขีดบุหรี่โดยประมาท เป็นเหตุให้หัวไม้ขีดไฟที่ติดไฟกระเด็นไปถูกวัตถุที่มีความไวต่อการลุกไหม้ที่อยู่ในฉาง ทำให้เกิดไฟไหม้อย่างรวดเร็ว ไหม้ฉางของจำเลยที่ ๒ แล้วลุกลามไปไหม้บ้านโจทก์เสียหายทั้งสิ้น ๑๖๒,๑๒๔ บาท ๔๐ สตางค์ ขอให้จำเลยทั้งสองชดใช้พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ ทำให้เกิดเพลิงไหม้จริง แต่จำเลยที่ ๑ ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ ฉางเป็นของจำเลยที่ ๒ แต่นางอี่ แซ่จาง เช่าไป ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ทรัพย์สินที่เสียหายราคาไม่ถึงตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ ๗๐,๐๐๐ บาท ให้เสียดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ ในขณะที่จำเลยที่ ๒ขนปี๊ปหน่อไม้จากฉางของจำเลยที่ ๒ บรรทุกรถยนต์ตามคำสั่งของจำเลยที่ ๒จำเลยที่ ๑ ได้จุดไม้ขีดไฟเพื่อสูบบุหรี่ หัวไม้ขีดที่กำลังติดไฟกระเด็นไปถูกปุยนุ่นและปอในฉาง ทำให้เกิดไฟไหม้ฉางและลามไปไหม้บ้านราษฎรใกล้เคียงรวม ๙ หลัง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทในระหว่างขนปี๊ปหน่อไม้ตามคำสั่งจำเลยที่ ๒ ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างกำลังมีอยู่ขณะการละเมิดเกิดขึ้น จึงต้องถือว่าการละเมิดเกิดขึ้นขณะจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติงานในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของลูกจ้างและไม่ไกลเกินกว่าเหตุ จำเลยที่ ๒ จะปฏิเสธว่าไม่ได้จ้างจำเลยที่ ๑ มาจุดไม้ขีดไฟจุดบุหรี่หาได้ไม่ เพราะถ้าจำเลยที่ ๒ ไม่จ้างจำเลยที่ ๑ หรือไปจ้างบุคคลอื่นที่ไม่สูบบุหรี่ การละเมิดหรือความเสียหายก็จะไม่เกิดขึ้น การเลือกลูกจ้างที่มีคุณสมบัติไม่ดีพอ ไม่เป็นเหตุปฏิเสธความรับผิดของนายจ้างได้เลย และการที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่า กรณีเช่นนี้ควรถือเป็นอุบติเหตุหรือว่าเหตุสุดวิสัย ไม่ควรให้จำเลยทั้งสองต้องรับผิดด้วยนั้น เห็นว่า กรณีเช่นนี้หากจำเลยจำเลยที่ ๑ ใช้ความระมัดระวัง โดยพิเคราะห์ดูว่าปุยนุ่นและปอเป็นวัตถุที่ไวต่อการลุกไหม้แล้ว เหตุก็จะไม่เกิดขึ้นได้ กรณีจึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยหรืออุบัติเหตุอันจะไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ส่วนที่จำเลยที่ ๒ ฎีกามาด้วย เป็นเชิงว่าจำเลยที่ ๑ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ นั้น เห็นว่าจำเลยที่ ๒ จะฎีกาข้อนี้ไม่ได้ เพราะมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอุทธรณ์ จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามฎีกาตามมาตรา ๒๔๙ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน

Share