แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ผู้คัดค้านชอบดื่มและเมาสุราก็ตาม แต่ก็คงเพียงบางเวลาเท่านั้น และไม่ถึงขนาดครองสติไม่ได้ ในเวลาที่ไม่เมาสุราก็ยังสามารถประกอบกิจการงานได้ด้วยตนเองเช่นคนปกติทั่วไป ผู้คัดค้านยืนยันว่าสามารถปกครองทรัพย์สินของตนเอง ทั้งยังได้ความว่าพนักงานอัยการได้ฟ้องผู้ร้องในข้อหายักยอกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของผู้คัดค้าน ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านไม่สามารถจัดทำการงานของตนเองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 34 เดิม (ปัจจุบันมาตรา 32) ผู้คัดค้านเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้วย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะจัดการทรัพย์สินของตนเองได้ตามลำพัง ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นน้องชายของนายเกล้าทองเรือง นายเกล้าติดสุราเมามายเป็นประจำทุกวันจนครองสติไม่อยู่และไม่สามารถจัดทำการงานของตนเองได้เลย นายเกล้าไม่มีภริยาและบุตร ได้อยู่ร่วมบ้านเรือนเดียวกับผู้ร้องและอยู่ในความปกครองดูแลอุปการะเลี้ยงดูของผู้ร้อง หากปล่อยไว้จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของนายเกล้าเป็นอย่างมาก ขอให้ศาลมีคำสั่งว่านายเกล้าเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถและให้อยู่ในความพิทักษ์ของผู้ร้อง
นายเกล้า ทองเรือง ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านมิได้เสพสุราเป็นประจำจนครองสติไม่ได้ ผู้คัดค้านสามารถจัดการงานด้วยตนเอง ยังมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ผู้ร้องยื่นคำร้องก็เพื่อหวังที่จะได้ประโยชน์จากการจัดการทรัพย์สินของผู้คัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…แม้ผู้คัดค้านชอบดื่มและเมาสุราก็ตามแต่ก็คงเพียงบางเวลาเท่านั้นและไม่ถึงขนาดครองสติไม่ได้ ในเวลาที่ไม่เมาสุราก็ยังสามารถประกอบกิจการงานได้ด้วยตนเองเช่นคนปกติทั่วไป ผู้คัคค้านยืนยันว่าสามารถปกครองทรัพย์สินของตนเอง ทั้งยังได้ความด้วยว่าพนักงานอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ฟ้องผู้ร้องในข้อหายักยอกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของผู้คัดค้านตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 42/2533 ของศาลชั้นต้นอีกด้วย ข้อเท็จจริงจึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านไม่สามารถจัดทำการงานของตนเองได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 34 เดิม (ปัจจุบันมาตรา 32)ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องไม่ได้หวังที่จะเอาผลประโยชน์จากทรัพย์สินของผู้คัดค้านแต่อย่างใด เพราะผู้ร้องมีทรัพย์สินอย่างเหลือเฟือ แต่ที่มาร้องเป็นคดีนี้ก็ด้วยความตกลงยินยอมพร้อมใจของพี่น้องและเพื่อจะรักษาผลประโยชน์ให้แก่ผู้คัดค้านนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว ย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะจัดการทรัพย์สินของตนเองได้ตามลำพัง ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน