แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ว่า สิ่งปลูกสร้างที่จำเลยทั้งสองสร้างขึ้นบนที่ดินของจำเลยที่ 2 ตามฟ้องข้อ 3 รวม 5 รายการ ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตเดินสายไฟฟ้าตามสำเนาภาพถ่ายแผนผังสิ่งปลูกสร้างเอกสารท้ายฟ้องทั้งได้บรรยายข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาดังกล่าวว่าโจทก์ได้ประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้า โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับความกว้างระยะเริ่มต้นและระยะสิ้นสุดของเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอยู่ที่ไหน และมีสภาพอย่างไรรวมทั้งมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำนั้นออกไปจากแนวเขตเดินสายไฟฟ้าที่โจทก์ได้ประกาศไว้คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดในเรื่องที่โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าได้ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2511 มาตรา 29 และ 32 โดยมิพักต้องคำนึงว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุม ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นทำนองว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ และโจทก์เพิ่งทราบการกระทำของจำเลยทั้งสองในปี 2536 แต่ปรากฏความจริงตามเอกสารท้ายฟ้องว่าโจทก์ทราบเรื่อง นี้ตั้งแต่ปี 2532 แล้ว ซึ่งขัดกันอยู่ ทั้งคำบรรยายฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาที่จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองจึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องละเมิดที่ศาลจะต้องวินิจฉัย คำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในเขตเดินสายไฟฟ้าที่โจทก์ได้ประกาศไว้ ซึ่งโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 มาตรา 29(3) ในกรณีที่สิ่งปลูกสร้างนั้นได้ปลูกสร้างขึ้นก่อนประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าโดยโจทก์จะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยทราบก่อน และโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามมาตรา 32 วรรคสอง ในกรณีได้ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างนั้นขึ้นภายหลังจากที่ได้ประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าแล้วโดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากโจทก์ อำนาจฟ้องขอให้รื้อถอนของโจทก์ตามมาตรา 29(3) และมาตรา 32 วรรคสองดังกล่าวนี้ มิใช่สิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/9 จึงไม่มีอายุความโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอยู่ในเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าได้ตลอดเวลาที่สิ่งก่อสร้างนั้นรุกล้ำอยู่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าและโจทก์ได้แจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอยู่ภายในเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้า โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1ส่วนโจทก์เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 โจทก์ประกาศกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้าสาย 115 เควี ช่วงสมุทรสาคร – ราชบุรี โดยกำหนดเขตเดินสายไฟฟ้ามีความกว้างจากจุดศูนย์กลางของเสาไฟฟ้าออกมาข้างละ12 เมตร และภายในเขตเดินสายไฟฟ้าดังกล่าวห้ามมิให้ผู้ใดสร้างโรงเรือนหรือสิ่งอื่น ปลูกต้นไม้หรือพืชผล เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากโจทก์ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2536เจ้าหน้าที่ของโจทก์ตรวจพบว่าจำเลยทั้งสองปลูกสร้างโรงงานและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ บนที่ดินของจำเลยที่ 2 รุกล้ำเข้าไปในเขตเดินสายไฟฟ้าของโจทก์ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการไม่ชอบและต้องห้ามตามกฎหมายอันเป็นอันตรายแก่ระบบไฟฟ้าในเขตเดินสายไฟฟ้าของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำตามแผนผังแสดงการรุกล้ำท้ายคำฟ้องออกจากแนวเขตเดินสายไฟฟ้าของโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่เคยประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าผ่านโรงเรือนจำเลยทั้งสองไม่เคยมีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบ ไม่เคยประกาศกำหนดแนวเขตในราชกิจจานุเบกษา สิ่งปลูกสร้างของจำเลยทั้งสองตามแผนผังท้ายคำฟ้องของโจทก์เป็นเคหสถานและโรงเรือนซึ่งจำเลยทั้งสองปลูกสร้างและมีอยู่ก่อนพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2511 จะมีผลใช้บังคับ โรงเรือนอาคารดังกล่าวมิได้อยู่ในเขตเดินสายไฟฟ้าและไม่เป็นอันตราย ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ระบบไฟฟ้าของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามแผนผังแสดงการรุกล้ำท้ายคำฟ้องออกจากแนวเขตเดินสายไฟฟ้าของโจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้ประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าสาย 115 เควีช่วงสมุทรสาคร – ราชบุรี โดยประกาศเขตเดินสายไฟฟ้ามีความกว้างจากจุดศูนย์กลางของเสาไฟฟ้าออกมาข้างละ 12 เมตร และภายในเขตเดินสายไฟฟ้าดังกล่าวห้ามมิให้ผู้ใดสร้างโรงเรือนหรือสิ่งอื่นเว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากโจทก์ และในวันที่13 กรกฎาคม 2536 เจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้ตรวจพบโรงงานและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่จำเลยทั้งสองสร้างขึ้นบนที่ดินของจำเลยที่ 2รุกล้ำเข้าไปในเขตเดินสายไฟฟ้าของโจทก์ระหว่างเสาไฟฟ้าเลขที่ 0/1-0/2 ตำบลนาดี อำเภอเมืองสุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาครรวม 5 รายการปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายแผนผังสิ่งปลูกสร้างเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 และโจทก์ได้แจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในเขตเดินสายไฟฟ้าของโจทก์ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 ตามคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ว่า สิ่งปลูกสร้างที่จำเลยทั้งสองสร้างขึ้นบนที่ดินของจำเลยที่ 2 ตามคำฟ้องข้อ 3รวม 5 รายการ ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตเดินสายไฟฟ้าตามสำเนาภาพถ่ายแผนผังสิ่งปลูกสร้างเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 ทั้งได้บรรยายข้ออ้างซึ่งอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาดังกล่าวว่าโจทก์ได้ประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้า โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับความกว้างระยะเริ่มต้นและระยะสิ้นสุดของเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอยู่ที่ไหน และมีสภาพอย่างไร รวมทั้งมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำนั้นออกไปจากแนวเขตเดินสายไฟฟ้าที่โจทก์ได้ประกาศไว้ คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดในเรื่องที่โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าได้ตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 มาตรา 29 และ 32โดยมิพักต้องคำนึงว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่เคลือบคลุมส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องเป็นทำนองว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ และโจทก์เพิ่งทราบการกระทำของจำเลยทั้งสองในปี 2536 แต่ปรากฏความจริงตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 4 ว่าโจทก์ทราบเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2532แล้ว ซึ่งขัดกันอยู่ ทั้งคำบรรยายฟ้องของโจทก์ในส่วนนี้มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาที่จำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง จึงไม่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องละเมิดที่ศาลจะต้องวินิจฉัย
ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้นเห็นว่า กรณีตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในเขตเดินสายไฟฟ้าที่โจทก์ได้ประกาศไว้ โจทก์มีอำนาจฟ้องตามพระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 มาตรา 29(3) ในกรณีที่สิ่งปลูกสร้างนั้นได้ปลูกสร้างขึ้นก่อนประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้า โดยโจทก์จะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยทั้งสองทราบก่อน และโจทก์มีอำนาจฟ้องตามมาตรา 32 วรรคสอง ในกรณีได้ปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างนั้นขึ้นภายหลังจากที่ได้ประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าแล้วโดยมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากโจทก์ อำนาจฟ้องขอให้รื้อถอนของโจทก์ตามมาตรา 29(3) และมาตรา 32 วรรคสอง ดังกล่าวมิใช่สิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/9 จึงไม่มีอายุความโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอยู่ในเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าได้ตลอดเวลาที่สิ่งก่อสร้างนั้นรุกล้ำอยู่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์ได้ประกาศเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าและโจทก์ได้แจ้งเป็นหนังสือให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอยู่ภายในเขตกำหนดเดินสายไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองตามมาตรา 29(3) และมาตรา 32 วรรคสอง
พิพากษายืน