แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าบริษัทจำเลยที่ 1 เจ้าของโรงงาน และจำเลยที่ 2กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทได้บังอาจระบายน้ำทิ้งลงในแม่น้ำเป็นการฝ่าฝืนประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ฯลฯขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2512 มาตรา 39, 50เมื่อจำเลยรับสารภาพจึงลงโทษจำเลยตามบทบัญญัติซึ่งโจทก์กล่าวมาในฟ้องแล้วได้ แม้โจทก์จะมิได้ระบุมาตรา 50 ทวิมาด้วยก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า บริษัทจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานทอและฟอกย้อมผ้าเจริญสวัสดิ์ใยเทียมยืด จำกัด และจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัททราบประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมแล้วได้บังอาจระบายน้ำทิ้งจากโรงงานดังกล่าวลงในแม่น้ำท่าจีนโดยมิได้ทำให้ค่าของความเป็นกรดด่างระหว่าง ๕ถึง ๙ ตามประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ มาตรา ๓๙(๖), ๕๐พระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๕
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับจำเลยที่หนึ่ง ๕,๐๐๐ บาท จำคุกจำเลยที่สอง๑๕ วัน โทษจำคุกเปลี่ยนเป็นกักขังแทน ๑๕ วัน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา และจำเลยที่ ๒ว่าฟ้องโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๕๐ ทวิ เป็นการที่โจทก์ไม่ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นเพียงกรรมการจะลงโทษจำเลยที่ ๒ ไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาทำนองเดียวกับอุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาข้อเท็จจริงโดยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงชื่อในคำพิพากษา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มาตรา ๕๐ ทวิบัญญัติว่า “ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนบริษัท หรือนิติบุคคลอื่นกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ กรรมการผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการกระทำอันเป็นความผิดนั้นต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่า การกระทำนั้นได้กระทำโดยตนมิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย” พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ตามฟ้องของโจทก์เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าบริษัทเจริญสวัสดิ์ใยเทียมยืด จำกัด จำเลยที่ ๑ โดยนายพิทักษ์ จำเลยที่ ๒ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทฯ ผู้เป็นเจ้าของและได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานทอและฟอกย้อมผ้าได้กระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยระบายน้ำทิ้งออกจากโรงงานของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวลงแม่น้ำท่าจีนเป็นการฝ่าฝืนประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๑๒ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๑๕ จำเลยที่ ๒ให้การรับสารภาพ จึงลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามบทบัญญัติดังกล่าว ซึ่งโจทก์กล่าวมาในคำฟ้องแล้วได้ แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุมาตรา ๕๐ ทวิ มาในคำฟ้องด้วยก็ตาม ส่วนปัญหาข้อต่อไปที่จำเลยที่ ๒ ขอให้รอการลงโทษนั้นเห็นว่าตามพฤติการณ์แห่งคดีและสภาพความผิดยังไม่มีเหตุสมควรที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงดุลพินิจของศาลล่างทั้งสอง
พิพากษายืน