คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1716/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยไปเอาเฮโรอีนมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจำเลยไม่ได้รับค่าตอบแทนเลยก็เป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนแล้ว และการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมอบเงินค่าเฮโรอีนให้แก่จำเลยไปนั้น จำเลยจะไปซื้อจากบุคคลอื่นหรือเอาเฮโรอีนจากที่ไหนมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมเป็นข้อเท็จจริงอยู่ในความรู้เห็นของจำเลยเอง ถึงหากจำเลยจะไม่ได้รับเงินค่าขายไว้เป็นของตน โดยเป็นเพียงผู้ไปเอาเฮโรอีนมามอบให้ผู้ซื้อ ก็ยังมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนอยู่นั่นเอง ดังนั้น การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายโดยขายเฮโรอีนให้แก่ผู้มีชื่อแต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นเพียงผู้ไปเอาเฮโรอีนมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมิใช่ข้อแตกต่างในข้อสารสำคัญ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนฯ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยทั้งสองร่วมกันจำหน่ายโดยขายเฮโรอีนให้แก่ผู้มีชื่อโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4, 7, 15, 66, 67, 102, 103 และริบเฮโรอีนของกลาง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองจัดหาซื้อเฮโรอีนให้บุคคลอื่นถือได้ว่าเป็นการร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีน ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15, 66 จำคุกคนละ 6 ปีลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปีของกลางริบ คำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยที่ 2ว่าในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้นศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมารับฟังได้ว่า จ่าสิบตำรวจเปลื้องและพลตำรวจนิทัศน์ ได้แต่งกายนอกเครื่องแบบไปขอซื้อเฮโรอีนโดยมีพวกตำรวจซุ่มคอยจับที่หน้าบ้านจำเลยที่ 1 มีการให้เงินเป็นค่าเฮโรอีน 60 บาท จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 2นั่งซ้อนท้ายไปเอาเฮโรอีนมาให้ เมื่อได้เฮโรอีนแล้ว จำเลยที่ 2 ส่งมอบเฮโรอีน 2 หลอดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองโดยจำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าผู้มาติดต่อขอซื้อเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯมาตรา 4 ให้นิยามคำว่าจำหน่ายไว้ว่า หมายความถึง ขาย จ่ายแจก แลกเปลี่ยน ให้ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ไปเอาเฮโรอีนมาให้ตำรวจถึงแม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย ก็เป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนแล้ว

ถึงแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยจำหน่ายโดยขายเฮโรอีนฯ2 หลอด ราคาหลอดละ 30 บาท เป็นเงิน 60 บาท ให้แก่ผู้มีชื่อแต่ข้อเท็จจริงปรากฏในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ไปเอาเฮโรอีนมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็หาใช่ข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญแต่อย่างใดไม่ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมอบเงินค่าเฮโรอีนให้แก่จำเลย จำเลยจะไปซื้อเฮโรอีนจากบุคคลอื่นหรือเอาเฮโรอีนจากที่ไหนมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่อยู่ในความรู้เห็นของจำเลยที่ 2 เอง ถึงหากจำเลยที่ 2 จะไม่ได้รับเงินค่าขายเฮโรอีนไว้เป็นของตนเอง โดยเป็นเพียงผู้ไปเอาเฮโรอีนมามอบให้ผู้ซื้อ ก็ยังมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนอยู่นั่นเอง

และวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1ได้กระทำความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนดังโจทก์ฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share