คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความที่จำเลยเขียนลงในหนังสือพิมพ์รายวันมีความหมายถึงโจทก์มีความว่า ‘เช็คเอยเช็คเด้งแม้แต่เช็คเงิน3พันบาทของอ้ายเสี่ยบ้ากามก็ยังเด้งมาแล้วดี.วัน.จันทร์.สะอื้นไห้เฉียบชัยณรงค์ ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อก่อนยังเป็นจับกัง ไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค3พันก็เด้งเหมือนกัน ตำรวจไปตามจับ พี่แกโกยแนบไปกอดเมีย (เก่า) ร่ำไห้ด้วยความกลัว ทุดส์เรื่องของอ้ายเสี่ยบรรลัยมีมากมายเป็นพะเรอ คนรักใคร่ชอบพอมันทั้งน๊านคอยส่งข่าวความสกปรกให้ฟังไม่ว่างเว้นซักที เฮ้อกูละเบื่อ’ ข้อความที่ว่า ‘ไอ้เสี่ยบ้ากาม’ ก็ดีและที่ว่า ‘เมื่อก่อนยังเป็นจับกัง ไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค 3พันก็เด้งเหมือนกัน’ ก็ดี. มีความหมายทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังเกิดความรู้สึกนึกคิดและเข้าใจตัวโจทก์ว่าโจทก์เป็นคนมักมากในกามคุณผิดวิสัยปุถุชนทั่วไป เช็คที่ออกจำนวนเงินเพียง 3,000 บาท ก็ไม่มีเงิน ไม่ผิดอะไรกับครั้งยังเป็นกุลีหาเช้ากินค่ำ แสดงให้เห็นและเข้าใจไปได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีความประพฤติไม่ดีไม่ควรแก่การยกย่องสมาคม อันเป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังโดยการโฆษณาด้วยเอกสารในเรื่องส่วนตัว ไม่มีลักษณะไปในทำนองของการติชมอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมตามวิสัย เพื่อยังให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดจำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์และโฆษณาหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิไทม์รายวันของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการจำหน่ายหนังสือพิมพ์ดังกล่าวทั่วประเทศ เมื่อประมาณวันที่ 24 – 25 กันยายน2521 เวลากลางวันและกลางคืนเกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดกล่าวคือ จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้พิมพ์ข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิไทม์รายวัน ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2521(ฉบับแรก) ในคอลัมน์ดาวกระพริบมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อบุคคลอื่นและประชาชนทั่วไปในหน้า 13 ว่า “เช็คเอย – เช็คเด้ง แม้แต่เช็คเงิน 3 พันบาทของ “อ้ายเสี่ยบ้ากาม” ก็ยังเด้งมาแล้ว ดี.วัน.จันทร์ สะอื้นไห้ไม่ลืม อุ๊ – เฉียบ ชัยณรงค์ไม่อยากเชื่อ เมื่อก่อนยังเป็นจับกัง” ไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค 3 พันก็เด้งเหมือนกันตำรวจไปตามจับ พี่แกโกยแนบไปกอดเมีย (เก่า) ร่ำไห้ด้วยความกลัว – ทุดส์”รายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 และได้ลงรูปภาพโจทก์ในหน้า 1 และได้ลงข่าวเกี่ยวกับตัวโจทก์ในหน้า 1 และหน้า 16 คำว่า”ได้เสี่ยบ้ากาม” “ไอ้เสี่ย” ดังกล่าวข้างต้นโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีเจตนาจะให้ผู้อ่านที่ได้อ่านข้อความดังกล่าวประกอบกับข้อความอื่นในหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน และหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิไทม์ฉบับอื่น ๆ ซึ่งลงข่าวเกี่ยวกับตัวโจทก์เรื่อยมาเข้าใจว่าหมายถึงตัวโจทก์ จำเลยที่ 3 ได้ทราบหรือควรทราบถึงข้อความดังกล่าวอันมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาทตัวโจทก์เป็นอย่างดีแต่ก็ยังคงจำหน่ายหนังสือพิมพ์ดังกล่าวต่อไปอีก โดยมีเจตนาจะให้โจทก์ต้องได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่แขวงพระโขนง เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ที่อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคายและทุกตำบลอำเภอ จังหวัดทั่วราชอาณาจักร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 83, 86, 50 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 84 ให้ยึดและทำลายหนังสือพิมพ์รายวัน บางกอกเดลิไทม์ปีที่ 5 ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2521 ทั้งหมด ให้จำเลยทั้งสามโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันของจำเลย ไทยรัฐ เดลินิวส์ บ้านเมือง ดาวสยาม และเสียงปวงชน ฉบับละ 15 วันติดต่อกัน กับห้ามนำหรือจำหน่ายหนังสือพิมพ์มีกำหนด 15 วัน นับแต่วันพ้นโทษ

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 8 ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 2,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 เดือน และปรับ 3,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยประกาศผลคำพิพากษานี้ในหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิไทม์ของจำเลยมีกำหนด 7 วัน ภายใน 10 วันนับแต่วันพิพากษาคดีนี้ ส่วนจำเลยที่ 3 และคำขอของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก

จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้ฟังมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า จำเลยที่ 2 ได้ลงพิมพ์ข้อความในหนังสือพิมพ์บางกอกเดลิไทม์รายวันฉบับประจำวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2521 ฉบับแรก ในคอลัมน์ดาวกระพริบในนามปากกาที่ใช้ชื่อ เฉียบ ชัยณรงค์เป็นเจ้าของคอลัมน์ อันมีข้อความเกี่ยวพันและมุ่งหมายถึงตัวโจทก์ซึ่งคนในวงการทั่วไปเรียกว่า เจียงหรือเสี่ยเจียง มีข้อความว่า “เช็คเอย เช็คเด้ง -แม้แต่เงิน 3 พันบาทของอ้ายเสี่ยบ้ากามก็ยังเด้งมาแล้ว ดี.วัน.จันทร์สะอื้นไห้ เฉียบ ชัยณรงค์ ไม่อยากจะเชื่อเมื่อก่อนยังเป็นจับกังไอ้เสี่ยจ่ายเช็คก็เด้งเหมือนกัน ตำรวจตามไปจับ พี่แกโกยแนบไปกอดเมีย (เก่า) ร่ำไห้ด้วยความกลัว ทุดส์ เรื่องของอ้ายเสี่ยบรรลัย มีมากมายเป็นพะเรอคนรักใคร่ชอบพอมันทั้งน๊าน คอยส่งข่าวความสกปรกให้ฟัง ไม่ว่างเว้นซักที เฮ้อ กูละเบื่อ” ปัญหามีว่าข้อความดังกล่าวจะเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่ เห็นว่าข้อความที่ว่า “ไอ้เสี่ยบ้ากาม” ก็ดี และที่ว่า “เมื่อก่อนยังเป็นจับกัง ไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค 3 พันก็ยังเด้งเหมือนกัน” ก็ดี มีความหมายทำให้ผู้อื่นที่ได้ยินได้ฟังเกิดความรู้สึกนึกคิดและเข้าใจต่อตัวโจทก์ว่าโจทก์เป็นคนมักมากในกามคุณผิดวิสัยปุถุชนทั่วไป เช็คที่ออกจำนวนเพียง3,000 บาทก็ไม่มีเงิน ไม่ผิดอะไรกับเมื่อครั้งยังเป็นกุลีหาเช้ากินค่ำ แสดงให้เห็นและเข้าใจไปได้ว่า โจทก์เป็นผู้มีความประพฤติไม่ดี ไม่ควรแก่การยกย่องสมาคม อันเป็นการใส่ความโจทก์ โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง โดยการโฆษณาด้วยเอกสารในเรื่องส่วนตัวไม่มีลักษณะไปในทำนองของการติชมอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมตามวิสัย เพื่อยังให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์

พิพากษายืน

Share