คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยกับพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ทางพิจารณาได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายเพราะมีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยได้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสโดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๙, ๘๓ ให้จำคุก
จำเลยอุทธรณ์ว่า ไม่ได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กันดังศาลชั้นต้นวินิจฉัยและว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส มิได้บรรยายว่าวิวาทต่อสู้กัน ทางพิจารณาได้ความว่าเข้าชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง อันเป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญและจำเลยหลงต่อสู้ โดยจำเลยนำสืบอ้างฐานที่อยู่ จึงจะลงโทษตามข้อเท็จจริงนั้นหาได้ไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามข้อฎีกาของโจทก์ว่า การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗, ๘๓เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายเพราะมีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปโดยมีจำเลยร่วมอยู่ในที่ชุลมุนด้วย จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๙, ๘๓ ตามทางพิจารณาที่ได้ความได้หรือไม่เห็นว่าสาระสำคัญในการกระทำผิดที่พิจารณาได้ความคือการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป แต่ตามฟ้องไม่มีข้อความตอนใดบรรยายถึงข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญของความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปอันเป็นเหตุให้บุคคลได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งจะมีผลให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๙ ได้ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ จึงลงโทษจำเลยตามทางพิจารณาที่ได้ความไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒
พิพากษายืน.

Share