คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 มิได้บังคับให้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญา ดังนั้น แม้มิได้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์มาแต่แรกในขณะทำสัญญา แต่เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้วในขณะฟ้องคดีนี้ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ ๘๐,๐๐๐ บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน ตามสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันท้ายฟ้อง จำเลยทั้งสองไม่ชำระคืนแก่โจทก์ตามกำหนดจำเลยค้างชำระดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๘๓,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยที่ ๒ ชำระแทนจนครบ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีของต้นเงินจำนวน ๘๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.๑, จ.๒ ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ในภายหลังถือได้ว่ามิได้ปิดอากรแสตมป์โดยบริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๐๓ การที่โจทก์ปิดอากรแสตมป์และฆ่าอากรแสตมป์เองในภายหลังไม่อาจรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินแก่โจทก์จำนวน ๘๓,๐๐๐ บาท หากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทนจนครบ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีของต้นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยทั้งสองฎีกาว่าหนังสือสัญญากู้และหนังสือสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.๑, จ.๒ ปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าในขณะที่โจทก์ฟ้องคดีนี้มิได้ปิดและขีดฆ่าในขณะทำสัญญา จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้นั้นเห็นว่าประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ บัญญัติว่า “ตราสารใดไม่ปิดแสตมป์บริบูรณ์ จะใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาตราสารนั้นเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ จนกว่าจะได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้และขีดฆ่าแล้ว ฯลฯ” ตามบทบัญญัติดังกล่าวหาได้บังคับให้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่ ดังนี้ แม้มิได้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์มาแต่แรกในขณะทำสัญญา แต่เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้วในขณะฟ้องคดีนี้ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีได้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share