คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โครงอลูมิเนียมของโจทก์ที่มีอักษร BOAC และรูปนกติดอยู่นั้น ติดต่อเป็นแผ่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าทำคราวเดียวกันหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างแล้ว และทำโครงอลูมิเนียมดังกล่าวขึ้นเพื่อทำเป็นป้ายโฆษณาของโจทก์ เมื่อโจทก์เอาอักษร BOAC และรูปนกอันเป็นสัญญลักษณ์ของบริษัทโจทก์มาติดไว้ที่โครงอลูมิเนียมดังกล่าว แม้โจทก์จะเอาอักษร BOAC และรูปนกไม่เต็มโครงอลูมิเนียมโดยติดตรงส่วนบนของโครงอลูมิเนียม จึงถือว่าป้ายโฆษณาของโจทก์เป็นป้ายมีขอบเขตกำหนดได้ คือถือว่าป้ายโฆษณาของโจทก์มีขอบเขตตามโครงอลูมิเนียมดังกล่าว ในการคำนวณหาพื้นที่ของป้ายโฆษณาของโจทก์จะต้องเอาส่วนกว้างที่สุดคูณด้วยส่วนยาวที่สุดของโครงอลูมิเนียมอันเป็นขอบเขตป้ายโฆษณาของโจทก์เป็นตารางเซนติเมตร เมื่อโจทก์เสียภาษีป้ายของโจทก์แบบป้ายไม่มีขอบเขตโดยถืออักษร BOAC และรูปนกเป็นขอบเขตส่วนกว้างส่วนยาวที่สุดของป้ายโฆษณาของโจทก์จึงไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเลยที่ 2 มีอำนาจแจ้งการประเมินย้อนหลังได้ไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยที่ 2 แจ้งการประเมินตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 มาตรา 29 และโจทก์ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละสิบของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติมตามมาตรา 25 (2)
การเสียภาษีป้ายจะต้องเสียตามที่พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 บัญญัติไว้ โดยจะต้องเสียตามจำนวนเนื้อที่ของพื้นที่ของป้ายตามชนิดของป้ายและตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในบัญชีภาษีป้ายท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าว มิใช่เสียตามที่คณะเทศมนตรีหรือบุคคลใดกำหนด หากเจ้าของป้ายไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายไม่ถูกต้อง พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 มาตรา 29 ยังบัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจแจ้งการประเมินย้อนหลังได้ไม่เกินห้าปี นับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการประเมิน ไม่มีบทบัญญัติในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 บัญญัติว่า หากเจ้าของป้ายเสียภาษีป้ายไม่ถูกต้อง ให้คณะเทศมนตรีหรือบุคคลใดมีอำนาจสั่งงดเก็บภาษีป้ายย้อนหลัง มติของคณะเทศมนตรี เทศบาลนครหลวงที่ให้เก็บภาษีป้ายโฆษณาของโจทก์ย้อนหลังจึงไม่มีผลใช้บังคับเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยที่ 2 มีสิทธิประเมินให้โจทก์เสียภาษีป้ายโฆษณาของโจทก์ย้อนหลังได้ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 มาตรา 29 และไม่เป็นการประเมินซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ประเมินภาษีป้าย มีหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้ายสำหรับป้ายโฆษณาทางการค้าที่โจทก์แสดงไว้บนดาดฟ้าที่ทำการของบริษัท ประจำปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๓ จำนวน ๓ ป้าย ว่าโจทก์แสดงรายการเพื่อเสียภาษีป้ายไม่ถูกต้อง ทำให้เงินที่จะต้องเสียภาษีป้ายลดลง รวมค่าภาษีป้ายที่โจทก์จะต้องเสียเพิ่ม ๓๐๓,๖๘๐ บาท และค่าเงินเพิ่มอีก ๓๐,๓๖๘ บาท รวมเป็นเงิน๓๓๔,๐๔๘ บาท โจทก์เห็นว่า การประเมินภาษีป้ายดังกล่าวของจำเลยที่ ๒ ไม่ถูกต้อง จึงอุทธรณ์คำคัดค้านคำสั่งประเมินดังกล่าว จำเลยที่ ๑ วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์แล้วให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ และให้โจทก์นำเงินค่าภาษีป้ายรวมทั้งเงินเพิ่มเป็นเงิน ๓๓๔,๐๔๘ บาท ไปชำระภายใน ๗ วัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ โจทก์พิพาทกับพนักงานเจ้าหน้าที่ภาษีป้ายเกี่ยวกับการคำนวณเนื้อที่ของป้ายพิพาทมาครั้งหนึ่งแล้วว่า ป้ายพิพาทเป็นป้ายที่มีขอบเขตหรือไม่มีขอบเขต และกองกฎหมายเทศบาลนครกรุงเทพในขณะนั้นวินิจฉัยชี้ขาดว่า ตามลักษณะป้ายพิพาทต้องถือว่าเป็นป้ายที่ไม่มีขอบเขต ในที่สุดโจทก์ยอมเสียภาษีป้ายตามคำประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำประเมินสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๑๔ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ประเมินจะไม่เรียกเก็บภาษีป้ายพิพาทเพิ่มเติมสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๑๑ – ๒๕๑๓ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนปรนให้แก่กัน จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยที่ ๒ ไม่มีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีป้ายพิพาทประจำปี พ.ศ. ๒๕๑๑ – ๒๕๑๓ อีก ความจริงป้ายพิพาทเป็นป้ายไม่มีขอบเขต การคำนวณหาพื้นที่เพื่อเสียภาษีประจำปีต้องเป็นไปตามบัญชีอัตราภาษีป้ายท้ายพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ ข้อ (๖) ข. ฉะนั้น ที่โจทก์ยื่นเสียภาษีป้ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๑๑ – ๒๕๑๓ ทั้ง ๓ ป้าย จึงถูกต้องแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเก็บภาษีป้ายย้อนหลัง โดยประเมินเอากับโจทก์อีกเพราะขาดอายุความแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาว่า คำสั่งของจำเลยที่ ๒ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้เพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยดังกล่าวเสีย และพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีป้ายรวมเป็นเงิน ๓๓๔,๐๔๘ บาท
จำเลยทั้งสองให้การร่วมกันว่า ป้ายพิพาทเป็นป้ายโฆษณาชนิที่มีขอบเขตและจะต้องเสียภาษีป้ายตามบัญชีอัตราภาษีป้ายท้ายพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ ข้อ (๖) ก. พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ประเมินไม่เคยตกลงระงับข้อพิพาทกับโจทก์ โดยจะไม่เรียกเก็บภาษีป้ายพิพาทเพิ่มเติมดังที่โจทก์อ้าง การประเมินของจำเลยไม่ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จากภาพถ่ายหมาย จ.๒ ปรากฏว่าโครงอลูมิเนียมของโจทก์ที่มีอักษร BAOC และรูปนกติดอยู่นั้น ติดต่อเป็นแผ่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าทำคราวเดียวกันหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างตามเอกสารหมาย ล.๑๒ แล้ว และทำโครงอลูมิเนียมดังกล่าวขึ้นเพื่อทำเป็นป้ายโฆษณาของโจทก์ เมื่อโจทก์เอาอักษร BOAC และรูปนกอันเป็นสัญญลักษณ์ของบริษัทโจทก์มาติดไว้ที่โครงอลูมิเนียมดังกล่าว แม้โจทก์จะเอาอักษร BOAC และรูปนกติดไม่เต็มโครงอลูมิเนียมโดยติดตรงส่วนบนของโครงอลูมิเนียมตามที่ปรากฏจากภาพถ่ายหมาย จ.๒ และ ล.๓ จึงถือว่าป้ายโฆษณาของโจทก์เป็นป้ายมีขอบเขตกำหนดได้ คือถือว่าป้ายโฆษณาของโจทก์มีขอบเขตตามโครงอลูมิเนียมดังกล่าว ในการคำนวณหาพื้นที่ของป้ายโฆษณาของโจทก์ จะต้องเอาส่วนกว้างที่สุดคูณด้วยส่วนที่ยาวที่สุดของโครงอลูมิเนียมอันเป็นขอบเขตป้ายโฆษณาของโจทก์เป็นตารางเซนติเมตร ซึ่งจำเลยที่ ๒ ได้ไปตรวจสอบและให้เจ้าหน้าที่วัดแล้ว ปรากฏว่าป้ายโฆษณาทั้ง ๓ ป้ายของโจทก์มีขนาด ๑๐๘๐ * ๒๓๕๐ เซนติเมตร ป้ายหนึ่ง ขนาด ๑๐๘๐ * ๑๖๐๐ เซนติเมตร ป้ายหนึ่ง และขนาด ๑๐๘๐ * ๒๐๐๐ เซนติเมตร ป้ายหนึ่ง เมื่อโจทก์เสียภาษีป้ายของโจทก์แบบป้ายไม่มีขอบเขตโดยถืออักษร BOAC และรูปนกเป็นขอบเขตกำหนดส่วนกว้างส่วนยาวที่สุดของป้ายโฆษณาของโจทก์ว่ามีขนาด ๒๐๐ * ๒๓๕๐ เซนติเมตร ป้ายหนึ่ง ขนาด ๖๐๐ * ๑๖๐๐ เซนติเมตร ป้ายหนึ่ง ขนาด ๖๐๐ * ๒๐๐๐ เซนติเมตร ป้ายหนึ่ง จึงไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเลยที่ ๒ มีอำนาจแจ้งการประเมินย้อนหลังได้ไม่เกิน ๕ ปี นับแต่วันที่จำเลยที่ ๒ แจ้งการประเมินตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๒๙ และโจทก์ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละสิบของภาษีป้ายที่ประเมินเพิ่มเติมตามมาตรา ๒๕ (๒) ที่จำเลยที่ ๒ แจ้งการประเมินภาษีป้ายให้โจทก์เสียภาษีป้ายโฆษณาของโจทก์เพิ่มรวมทั้งเงินเพิ่มและที่จำเลยที่ ๑ วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์แล้วเห็นว่า การประเมินภาษีป้ายของจำเลยที่ ๒ ถูกต้องและให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว และเห็นว่าการเสียภาษีป้ายจะต้องเสียตามที่พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ บัญญัติไว้ โดยจะต้องเสียตามจำนวนเนื้อที่ของพื้นที่ของป้ายตามชนิดของป้าย และตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในบัญชีอัตราภาษีป้ายท้ายพระราชบัญญัติดังกล่าว มิใช่เสียตามที่คณะเทศมนตรีหรือบุคคลใดกำหนด หากเจ้าของป้ายไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายหรือยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายไม่ถูกต้อง พระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๒๙ ยังบัญญัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจแจ้งการประเมินย้อนหลังได้ไม่เกินห้าปี นับแต่วันที่พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการประเมิน ไม่มีบทบัญญัติในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ บัญญัติว่า หากเจ้าของป้ายเสียภาษีไม่ถูกต้อง ให้คณะเทศมนตรีหรือบุคคลใดมีอำนาจสั่งงดเก็บภาษีป้ายย้อนหลัง มติของคณะเทศมนตรีเทศบาลนครหลวงที่ให้งดเก็บภาษีป้ายโฆษณาของโจทก์ย้อนหลังจึงไม่มีผลใช้บังคับเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยที่ ๒ มีสิทธิประเมินให้โจทก์เสียภาษีป้ายโฆษณาของโจทก์ย้อนหลังได้ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๒๙ และไม่เป็นการประเมินซ้ำ พิพากษายืน

Share