แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวฯที่ศาลพิพากษายกฟ้อง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ข้าวสารของกลางมีคนขนย้ายไปไว้ที่ริมฝั่งทะเลติดต่อกับต่างประเทศตระเตรียมขนย้ายออกนอกเขตอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้วริบข้าวสารของกลางได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งเจ็ดคนกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันตระเตรียมขนย้ายข้าวสารจ้าวซึ่งเป็นข้าวที่ควบคุมไปไว้ที่ชายฝั่งทะเล อันเป็นเขตห้ามขนย้ายข้าวเพื่อนำออกนอกราชอาณาจักรทางทะเลไปประเทศมาเลเซีย โดยไม่ได้รับหนังสืออนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489 มาตรา 3, 4, 10, 13, 13 ทวิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489 มาตรา 5, 6 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2503 มาตรา 3 ประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ฉบับที่ 94 พ.ศ. 2516 ลงวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2516ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบข้าวสารของกลางและสั่งจ่ายสินบนนำจับกับเงินรางวัลแก่ผู้นำจับและเจ้าพนักงานผู้จับ
จำเลยทั้งเจ็ดคนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบข้าวสารของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489 มาตรา 10, 13 ทวิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2489มาตรา 6 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2503 มาตรา 3 จำคุกคนละ 10 ปี ลดกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน ริบข้าวสารของกลาง จ่ายสินบนนำจับและรางวัลแก่ผู้นำจับและเจ้าพนักงานผู้จับ
จำเลยทั้งเจ็ดคนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานโจทก์ ยังฟังไม่ได้ว่าพวกจำเลยทั้งเจ็ดคนได้ร่วมกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมากระทำผิดดังฟ้อง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ข้าวสารของกลาง ข้อเท็จจริงฟังได้ว่ามีคนขนย้ายไปไว้ที่ริมฝั่งทะเลติดต่อกับต่างประเทศตระเตรียมขนย้ายออกนอกเขต อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 10แห่งพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว พุทธศักราช 2489 แล้วจึงให้ริบ