คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยเรื่องมีเหตุสมควรจะสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ จำเลยและพยานจำเลยไม่มาศาล ศาลถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบตามคำร้อง จึงสั่งให้ยกคำร้องของจำเลย แต่ยังคงสั่งให้นัดพิจารณาพยานโจทก์ต่อไป คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะยังไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) และมาตรา 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้ชำระเงินกู้พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ให้นัดสืบพยานโจทก์ และหมายนัดให้จำเลยทราบ
ก่อนวันนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยถึงวันนัด จำเลยขอเลื่อนอ้างว่าป่วย ศาลสั่งอนุญาต และให้เลื่อนวันนัดไต่สวนไป ถึงวันนัดไต่สวน ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าได้ยื่นฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยอีกคดีหนึ่ง กรณีเกี่ยวพันกับคดีนี้ขอให้งดการพิจารณาคดีนี้ไว้รอผลคดีเรื่องนั้นก่อน ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำร้องของจำเลยไม่มีเหตุอันควรจะต้องรอคดีนี้ไว้ ให้ยกคำร้อง ในวันเดียวกันนั้นทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้รอคดีนี้ไว้ ศาลสั่งไม่อนุญาต ทนายและจำเลยกับพยานสำคัญผิดคิดว่าศาลจะอนุญาต จำเลยและพยานจึงได้กลับไปทำบัตรประจำตัวเสีย จึงไม่อาจนำพยานมาให้ศาลไต่สวนได้ มิได้เจตนาจะแกล้งประวิงคดี ขอเลื่อนการไต่สวนไป ทนายโจทก์คัดค้านขอให้ยกคำร้องและสืบพยานไปฝ่ายเดียว ศาลสอบถามทนายจำเลยว่ากำหนดทำบัตรประชาชนมีเฉพาะวันนี้หรือ ทนายจำเลยแถลงว่ามีกำหนดสามวัน ศาลเห็นว่าวันนี้เป็นวันนัดไต่สวน จำเลยก็ควรจะมาหรือเตรียมพยานมา ไม่มีเหตุอันสมควรว่าจำเลยยื่นคำร้องขอให้รอคดีนี้ไว้ เพื่อฟังผลคดีอื่นแล้วศาลจะต้องอนุญาตเสมอไป เมื่อจำเลยและพยานจำเลยไม่มาศาล ก็ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ
จึงสั่งให้ยกคำร้องที่ขอให้เพิกถอนการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยเสีย และให้นัดสืบพยานโจทก์ไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยส่อแสดงว่าจำเลยประวิงคดีให้ล่าช้าไม่มีเหตุผลสมควรจะอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนไป ส่วนข้อที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้สั่งอนุญาตให้งดการพิจารณาคดีนี้ไว้รอฟังผลอีกคดีหนึ่งนั้น เป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาข้อแรกของจำเลย ส่วนฎีกาข้อ ๒ ที่ให้รอผลคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ๑๓๖/๒๕๐๘ หรือพิจารณาคดีทั้งสองนี้รวมกันนั้น เป็นฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณา ซึ่งศาลอุทธรณ์ไม่รับพิจารณาแล้ว ต้องห้ามมิให้ฎีกาให้ยกเสีย
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องของจำเลยเรื่องมีเหตุสมควรจะสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่ จำเลยและพยานจำเลยไม่มา ก็ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบตามคำร้อง จึงสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยแต่ยังคงสั่งให้นัดพิจารณาพยานโจทก์ต่อไป คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะยังไม่ทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ฎีกาของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖(๑) และมาตรา ๒๔๗
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share