แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากตำบลเพนียดเพื่อนำไปจำหน่ายที่ตำบลชัยนารายณ์ ระหว่างเดินทางนำเมทแอมเฟตามีนไปจำหน่าย จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 13.09 กรัม ไม่เกิน 20 กรัม ต้องด้วยมาตรา 66 วรรคสองตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5)ฯ ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงจำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงห้าล้านบาท แตกต่างจากมาตรา 66 วรรคหนึ่งตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ กฎหมายเดิมที่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท ดังนั้น โทษจำคุกขั้นต่ำตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เบากว่าโทษจำคุกตามกฎหมายเดิม แม้จะมีโทษจำคุกขั้นสูงให้จำคุกตลอดชีวิตเท่ากัน กรณีโทษจำคุกตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยตาม ป.อ. มาตรา 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 97, 102 ริบของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 15 ปี เพิ่มโทษตามมาตรา 97 วรรคหนึ่ง กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 22 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 11 ปี 3 เดือน ริบของกลาง ยกเว้นเงินสดของกลางจำนวน 330 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 20 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 97 เป็นจำคุก 30 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุก 15 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับระหว่างนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 760 เม็ด ไปจำหน่ายยังอีกตำบลหนึ่ง น่าจะเป็นความผิดฐานพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ควรระวางโทษเพียงสองในสามของความผิดดังกล่าวก่อนลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 นั้น ฎีกาของจำเลยข้อนี้แม้จะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ แต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยจึงยกขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยซื้อเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องมาจากตำบลเพนียดเพื่อนำไปจำหน่ายที่ตำบลชัยนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ระหว่างเดินทางนำเมทแอมเฟตามีนไปจำหน่ายจำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมเสียก่อนการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์และสภาพแห่งความผิดแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำคุกจำเลยถึง 20 ปี ก่อนเพิ่มโทษและลดโทษให้นั้นหนักเกินไป สมควรกำหนดโทษเสียใหม่ให้เหมาะสม ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ข้อความใหม่แทนโดยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น มาตรา 15 วรรคสาม (2) ที่แก้ไขใหม่ บัญญัติความว่า การมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ที่มีสารแอมเฟตามีนหรืออนุพันธ์แอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัมขึ้นไป ให้ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แตกต่างจากกฎหมายเดิมในมาตรา 15 วรรคสอง ที่บัญญัติว่า การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ 20 กรัมขึ้นไป ให้ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ดังนั้น เงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดดังกล่าวตามกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่จึงต้องใช้กฎหมายเดิมในส่วนที่เป็นบทความผิดบังคับแก่จำเลย สำหรับคดีนี้เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 13.09 กรัม ไม่เกิน 20 กรัม ต้องด้วยมาตรา 66 วรรคสอง ตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงห้าล้านบาท แตกต่างจากมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ตามกฎหมายเดิมที่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท จะเห็นได้ว่าโทษจำคุกขั้นต่ำตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เบากว่าโทษจำคุกตามกฎหมายเดิม แม้จะมีโทษจำคุกขั้นสูงให้จำคุกตลอดชีวิตเท่ากันก็ตาม กรณีโทษจำคุกตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่าจึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไข โดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และที่ศาลล่างทั้งสองมิได้พิพากษาให้คืนเงินสดของกลางจำนวน 330 บาท แก่เจ้าของนั้นยังไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) จำคุก 15 ปี เพิ่มโทษตามมาตรา 97 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 22 ปี 6 เดือน ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 11 ปี 3 เดือน คืนเงินสดของกลางจำนวน 330 บาท แก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1