คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4797/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ได้สร้างบ้านตัวอย่างและจัดเตรียมแบบแปลนบ้านสำหรับปลูกในที่ดินเหมือนกันทุกหลัง ทั้งได้ปลูกสร้างบ้านลงในที่ดินเป็นการล่วงหน้าไว้ก่อนที่ผู้ซื้อจะได้ตกลงทำสัญญากับโจทก์ เป็นกรณีโจทก์ลงมือปลูกสร้างบ้านขึ้นเพื่อขายมาแต่ต้นเป็นลักษณะขายตามตัวอย่าง บ้านที่โจทก์ปลูกสร้างลงในที่ดินของ ฉ. โดยได้รับความยินยอมจาก ฉ. ย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และเมื่อผู้ซื้อประสงค์จะซื้อที่ดินพร้อมบ้าน ย่อมต้องทำสัญญาจะซื้อที่ดินและบ้านจาก ฉ.และโจทก์ แต่โจทก์กลับให้ผู้ซื้อทำสัญญาจะซื้อที่ดินจาก ฉ. และทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ก่อสร้างบ้าน จึงไม่ตรงต่อความเป็นจริงหาใช่เป็นการรับจ้างทำของไม่ ดังนั้น รายรับที่โจทก์ได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้แก่ผู้ซื้อจึงเป็นรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร ตามประเภทการค้า 11 การค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้า ราคาประเมินของกรมโยธาธิการเป็นเพียงราคาจากการประเมินมิใช่ราคาที่โจทก์ได้จ่ายไปจริง จึงมิใช่ค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรอันจะนำมาหักค่าใช้จ่ายตาม พ.ร.ฎ. โจทก์มีรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับปี พ.ศ. 2521เป็นเงิน 4,487,070 บาท และปี พ.ศ. 2522 เป็นเงิน 2,907,800บาท แต่โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีในยอดรายรับเพียง2,027,800 บาท และ 1,685,000 บาท ตามลำดับ พฤติการณ์เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีไม่มีเหตุสมควรที่จะงดหรือลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ กับขอให้งดหรือลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับด้วย
จำเลยให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “…ประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อแรกมีว่า ในปี พ.ศ. 2521 และพ.ศ. 2522 โจทก์มีรายรับจากการรับจ้างปลูกสร้างบ้านหรือว่ามีรายรับจากการขายบ้านอันเป็นอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรเห็นว่า โจทก์มีเพียงตนเองเบิกความประกอบสัญญารับจ้างเหมาก่อสร้างตามเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 408ว่าโจทก์มีรายรับจากการรับจ้างปลูกสร้างบ้านตามข้อสัญญาดังกล่าว ส่วนจำเลยมีนางสาวชะอุ่ม เสนอคำหัวหน้างานควบคุมการตรวจสอบภาษีอากร นางสาวอังคณา ประจิมทิศผู้ร่วมบันทึกคำพยานนางสาวสุรัตน์ ป้องป้อม พยานในบันทึกคำพยานนายเวทิต สุทธิเวชกุล ผู้ตรวจสอบและบันทึกคำพยาน นางจิราพรชาเจียมเจน ผู้ตรวจสอบและบันทึกคำพยาน เบิกความประกอบเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 112, 115, 117, 123, 126, 132/1, 161, 166,168, 175, 182, 189, 198, 238, 246, 252, และ 255 ว่าผู้ซื้อที่ดินจากนางสาวฉวีวรรณได้ซื้อบ้านที่โจทก์ปลูกลงในที่ดินนั้นพร้อมกันด้วย และข้อเท็จจริงยังปรากฏด้วยว่าโจทก์ได้จัดเตรียมแบบแปลนบ้านสำหรับปลูกในที่ดินทุกแปลงไว้เหมือนกันทุกหลัง กับได้สร้างบ้านตัวอย่างขึ้นไว้ให้ผู้ที่จะซื้อได้ดูเป็นตัวอย่าง อีกทั้งโจทก์ได้ลงมือปลูกสร้างบ้านลงในที่ดินเป็นการล่วงหน้าไปก่อนที่ผู้ซื้อจะได้ตกลงทำสัญญากับนางสาวฉวีวรรณและโจทก์ ย่อมเห็นได้ว่าโจทก์ลงมือปลูกสร้างบ้านขึ้นเพื่อขายมาแต่ต้น เป็นลักษณะของการขายตามตัวอย่าง หาใช่เป็นการรับจ้างทำของไม่ ทั้งบ้านที่โจทก์ปลูกสร้างลงในที่ดินของนางสาวฉวีวรรณโดยได้รับความยินยอมจากนางสาวฉวีวรรณนั้น ย่อมจะเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เพื่อผู้ซื้อประสงค์จะได้ที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของนางสาวฉวีวรรณพร้อมบ้านซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงตกลงทำสัญญาจะซื้อที่ดินและบ้านจากนางสาวฉวีวรรณและโจทก์ แต่โจทก์กลับจัดให้ผู้ซื้อทำสัญญาจะซื้อที่ดินจากนางสาวฉวีวรรณและทำสัญญาว่า โจทก์รับจ้างเหมาก่อสร้างบ้านให้ผู้ซื้อที่ดินจากนางสาวฉวีวรรณโดยใช้สัมภาระของโจทก์ขึ้นไว้แทน จึงเป็นการไม่ตรงต่อความเป็นจริง รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์รับจ้างปลูกสร้างบ้านแก่ผู้ซื้อตามสัญญาดังที่โจทก์อ้างดังนั้น รายรับที่โจทก์ได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้แก่ผู้ซื้อจึงเป็นรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามประเภทการค้า 11 การค้าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะต้องเสียภาษีการค้าอัตราร้อยละ 3.5 ของรายรับ หาใช่รายรับจากการรับจ้างปลูกสร้างตามประเภทการค้า 4 ชนิด 1 (ค) ตามที่โจทก์อุทธรณ์โต้แย้งไม่…
ประเด็นตามอุทธรณ์ของโจทก์ในข้อต่อไปมีว่า การหักค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์สำหรับเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ในปี พ.ศ. 2521เป็นเงิน 1,820,000 บาท และปี พ.ศ. 2522 เป็นเงิน 1,685,000 บาทนั้น เป็นการถูกต้องหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขอเสียภาษีตามแถลงการณ์กระทรวงการคลังสำหรับเงินได้ปีพ.ศ. 2521 โดยขอหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรไว้ จำนวน 1,820,000 บาท และเงินได้ปี พ.ศ. 2521 โจทก์ขอหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรไว้ จำนวน 1,685,000 บาทตรงตามจำนวนเงินที่โจทก์จ้างเหมาผู้อื่นปลูกสร้างบ้านตามสัญญาเอกสารหมาย ล.1 แผ่นที่ 360 ถึง 365 จึงฟังได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่โจทก์ได้จ่ายไปจริง ถือได้ว่าเจ้าพนักงานประเมินได้หักค่าใช้จ่ายให้แก่โจทก์ตามความจำเป็นและสมควรเป็นการถูกต้องแล้วที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้หักค่าใช้จ่ายแก่โจทก์โดยอ้างว่า ต้นทุนในการที่โจทก์ปลูกสร้างบ้านแต่ละหลังเป็นเงิน 158,200 บาท ตามราคาประเมินของกรมโยธาธิการนั้น เห็นว่า ราคาดังกล่าว เป็นเพียงราคาจากการประเมิน มิใช่ราคาที่โจทก์ได้จ่ายไปจริง จึงมิใช่ค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรอันจะนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 มาตรา 8 ทวิ…
ประเด็นสุดท้ายที่โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลดหรืองดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับแก่โจทก์นั้น เห็นว่า โจทก์มีรายรับจากการขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับปี พ.ศ. 2521 เป็นเงิน 4,487,070 บาทและปี พ.ศ. 2522 เป็นเงิน 2,907,800 บาท แต่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีสำหรับปี พ.ศ. 2521 ในยอดรายรับเพียง 2,027,800 บาทและสำหรับปี พ.ศ.2522 ในยอดรายรับเพียง 1,685,000 บาท เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีการค้าและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะงดหรือลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับให้…”
พิพากษายืน.

Share