แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซื้อที่ดินมาในปี 2519 และต่อมาได้แบ่งเป็นแปลงเล็ก ๆและขายไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2519 โดยโจทก์เป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินในหนังสือสำคัญ กรณีเช่นนี้เป็นการซื้อเพื่อมุ่งในทางการค้าหรือหากำไรและเป็นการขายเป็นทางค้าหรือหากำไร โจทก์ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้า แม้ในชั้นไต่สวนเพื่อตรวจสอบภาษีรายนี้โจทก์ได้ให้ความร่วมมือโดยมอบอำนาจให้ตัวแทนไปให้ถ้อยคำและยอมรับในเรื่องราคาที่ดินแต่โจทก์อ้างว่าได้ขายที่ดินให้ส.ไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินมาแบ่งขายเอง อันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จึงไม่มีเหตุอันควรงดหรือลดเงินเพิ่มภาษีเงินได้และเบี้ยปรับภาษีการค้าให้แก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีอากร และให้ความร่วมมือแก่เจ้าพนักงานประเมินในการตรวจสอบภาษีอากรของโจทก์เป็นอย่างดี ขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือแจ้งภาษีเงินได้ ภ.ง.ด.11เลขที่ ต.6/1020/1/56879 – 56883 แบบแจ้งภาษีการค้า ภ.ค.80เลขที่ ต.6/1020/3/05120-05124 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2529 และเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์เลขที่ 58/2531/1 และ 59/2531/1 ลงวันที่18 พฤศจิกายน 2530 ให้งดและลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ
จำเลยให้การว่า โจทก์และนางสุดาดวงต่างเป็นผู้ประกอบการค้าอสังหาริมทรัพย์โดยร่วมโครงการเดียวกัน แต่ได้ทำหลักฐานแยกเป็นโจทก์ค้าที่ดิน และนางสุดาดวงค้าบ้านจัดสรร จึงต่างมีหน้าที่ต้องจดทะเบียนการค้าและเสียภาษีการค้าจากรายรับการขายที่ดินและขายบ้านเป็นรายเดือน และรายรับนั้นเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 50(8) ซึ่งต้องนำไปรวมเงินได้อื่นเพื่อเสียภาษีเงินได้ด้วย โจทก์มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรตามกฎหมายทั้งในชั้นตรวจสอบและชั้นพิจารณาอุทธรณ์ โจทก์มิได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของจำเลยแต่อย่างใดจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะงดหรือลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับให้โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อ ปี 2519โจทก์ได้ซื้อที่ดินหลายแปลงเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ โดยที่ดินดังกล่าวติดต่อเป็นผืนเดียวกัน ต่อมาได้มีการแบ่งเป็นแปลงย่อยถึง 70 แปลงเศษและได้ขายที่ดินไปพร้อมกับบ้านที่ปลูกสร้างในที่ดิน เฉพาะบ้านนางสุดาดวงพี่โจทก์เป็นผู้ปลูกสำหรับที่ดินโจทก์ได้มอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปทำการขาย เจ้าพนักงานที่ดินได้ส่งหลักฐานการขายที่ดินให้เจ้าพนักงานของจำเลย เจ้าพนักงานของจำเลยได้ทำการตรวจสอบภาษีโจทก์มอบอำนาจให้นายภีม รจนานนท์ ไปให้ถ้อยคำแทนและในการตรวจสอบไต่สวนโจทก์ยอมรับราคาที่ดินที่ขายไป เจ้าพนักงานจำเลยเห็นว่ากรณีเช่นนี้โจทก์เป็นผู้มีเงินได้จากการขายที่ดินอันจะต้องเสียภาษีเงินได้และภาษีการค้าจากการขายที่ดิน จึงได้ประเมินภาษีเงินได้และภาษีการค้าที่ดิน ตั้งแต่ปี 2519-2523 โจทก์อุทธรณ์การประเมิน คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์โจทก์ และวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ขายที่ดินให้นางสุดาดวง เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินมาในปี 2519 และต่อมาได้แบ่งแยกเป็นแปลงเล็ก ๆ และขายไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2519 โดยโจทก์เป็นผู้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินในหนังสือสำคัญ กรณีเช่นนี้เป็นการซื้อที่ดินเพื่อมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร และเป็นการขายเป็นทางค้าหรือหากำไรโจทก์ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้า ส่วนปัญหาว่ามีเหตุควรงดหรือลดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับหรือไม่นั้น แม้ในชั้นไต่สวนเพื่อตรวจสอบภาษีรายนี้โจทก์ได้ให้ความร่วมมือโดยมอบอำนาจให้ตัวแทนไปให้ถ้อยคำและยอมรับในเรื่องราคาที่ดิน แต่โจทก์อ้างว่าได้ขายที่ดินให้นางสุดาดวงไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินมาแบ่งขายเอง อันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าโจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี จึงไม่มีเหตุอันควรงดหรือลดเงินเพิ่มภาษีเงินได้และเบี้ยปรับภาษีการค้าให้แก่โจทก์
พิพากษายืน