แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้จำเลยจะเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษมาก่อนแต่ไม่ปรากฏว่าในขณะกระทำผิดคดีนี้ จำเลยเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษจึงไม่อาจนำวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49มาใช้บังคับแก่จำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1จำนวน 4 หลอด น้ำหนัก 0.17 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตกับได้จำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าว จำนวน 1 หลอด น้ำหนัก0.01 กรัม ให้แก่ผู้มีชื่อโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 102ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49, 91 กับขอให้ริบเฮโรอีนของกลางคืนเงินธนบัตรของกลางจำนวน 50 บาท แก่เจ้าของ และกำหนดให้จำเลยจะต้องไม่เสพยาเสพติดให้โทษภายในเวลาที่กำหนดไม่เกิน 2 ปี นับแต่วันพ้นโทษหรือวันปล่อยตัวตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 15, 66 วรรคแรก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 6 ปี สองกระทง จำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม มีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก จำเลย 8 ปี ริบเฮโรอีนของกลาง คืนธนบัตรของกลางจำนวน50 บาท แก่เจ้าของ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า ส่วนฎีกาที่ขอให้ใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49 มาด้วยนั้น เห็นว่า แม้นายดาบตำรวจสมชายและจ่าสิบตำรวจเจริญพยานโจทก์จะเบิกความว่าจำเลยเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษมาก่อน แต่ก็ไม่ปรากฏว่าในขณะกระทำผิดคดีนี้ จำเลยเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ จึงไม่อาจนำวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 49 มาใช้บังคับแก่จำเลยตามที่โจทก์ขอได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น