คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4787/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เดินทางจากกรุงเทพมหานครไปถึงจังหวัดอุดรธานีในวันที่ 25 กรกฎาคม 2541 อันเป็นวันที่จำเลยควรจะส่งมอบกระเป๋าเดินทางสูญหายให้แก่โจทก์ อายุความย่อมเริ่มตั้งแต่วันดังกล่าว แม้โจทก์จะฟ้องคดีวันที่ 9 สิงหาคม 2542 ซึ่งพ้นกำหนด 1 ปีแล้ว แต่เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2541 จำเลยได้มีหนังสือยินยอมชดใช่ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 400 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้จะไม่เต็มตามจำนวนที่โจทก์เรียกร้อง ก็เป็นหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14 (1) เมื่อโจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2542 จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2541 โจทก์เดินทางจากกรุงเทพมหานครมาจังหวัดอุดรธานีโดยสายการบินของจำเลย โจทก์ส่งกระเป๋าเดินทางรวม 4 ใบ ให้จำเลยขนส่งมาพร้อมกับเที่ยวบินดังกล่าว เมื่อมาถึงท่าอากาศยานจังหวัดอุดรธานี โจทก์ได้รับกระเป๋าเดินทาง 3 ใบ ส่วนอีก 1 ใบไม่ได้รับ พนักงานของจำเลยแจ้งว่า ยังหาไม่พบให้โจทก์แจ้งทำบันทึกไว้เพื่อเป็นหลักฐานและขอเวลาในการตรวจสอบติดตามกระเป๋าประมาณ 30 วัน โจทก์แจ้งต่อพนักงานของจำเลยประจำท่าอากาศยานจังหวัดอุดรธานีว่าทรัพย์สินที่บรรจุอยู่ในกระเป๋ามีทรัพย์สินมีค่าหลายรายการได้แก่ เงินสด เครื่องสำอาง กาแฟผง เสื้อเชิ้ต อัลบั้มภาพถ่าย กระเป๋าหนังสีน้ำตาล กระเป๋าผ้า เช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หนังสือสัญญากู้ สมุดบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ รวมมูลค่าทรัพย์สินเป็นเงิน 231,500 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2541 โจทก์ได้รับแจ้งจากพนักงานของจำเลยว่ากระเป๋าของโจทก์สูญหายไปเนื่องจากมีพนักงานของจำเลยกระทำทุจริต อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ จำเลยตกลงใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 400 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 14,800 บาท โจทก์ไม่ยอมรับเงินดังกล่าวเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากโจทก์ แต่เกิดจากการทุจริตหรือความประมาทเลินเล่อของพนักงานของจำเลยหรือจำเลย จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 231,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2541 จนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 17,362.50 บาท รวมเป็นเงิน 248,862.50 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 248,862.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 231,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์อ้างว่าได้รับมอบกระเป๋าเดินทางไปบางส่วนจากจำเลยเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2541 โจทก์ต้องฟ้องจำเลยให้รับผิดภายในกำหนดอายุความ 1 ปี นับแต่จำเลยได้ส่งมอบกระเป๋าเดินทางให้โจทก์ โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2542 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 231,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ต้องไม่เกิน 17,362.50 บาท กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 8,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2541 โจทก์เดินทางจากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดอุดรธานีโดยสายการบินของจำเลยเที่ยวบินที่ ทีจี 010 ก่อนออกเดินทางโจทก์ให้นายวิจิตร คูณทวีลาภผล บุตรชายนำบัตรโดยสารไปสำรองที่นั่งรับบัตรขึ้นเครื่องบินและส่งมอบกระเป๋าเดินทาง 4 ใบ ให้จำเลยเก็บที่ใต้ท้องเครื่องบิน ในวันดังกล่าวโจทก์เดินทางถึงท่าอากาศยานจังหวัดอุดรธานี โจทก์ได้รับกระเป๋าเดินทางคืน 3 ใบ ยังขาดอีก 1 ใบ โจทก์แจ้งพนักงานของจำเลยที่ท่าอากาศยานดังกล่าวทราบ ต่อมาวันที่ 13 สิงหาคม 2541 โจทก์ร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองว่ากระเป๋าเดินทางสูญหายรวมทรัพย์สินที่บรรจุอยู่ในกระเป๋าเป็นเงิน 231,500 บาท และวันที่ 14 สิงหาคม 2541 โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าว ต่อมาวันที่ 13 พฤศจิกายน 2541 จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 400 ดอลลาร์สหรัฐ ตามเอกสารหมาย จ. 10
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า สิทธิเรียกร้องตามฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 บัญญัติว่า “ในข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลาย หรือส่งชักช้านั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดปีหนึ่งนับแต่ส่งมอบ หรือปีหนึ่งนับแต่วันที่ควรจะได้ส่งมอบ เว้นแต่ในกรณีที่มีการทุจริต” เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เดินทางจากกรุงเทพมหานครไปถึงจังหวัดอุดรธานีในวันที่ 25 กรกฎาคม 2541 วันดังกล่าวจึงเป็นวันที่จำเลยควรจะส่งมอบกระเป๋าเดินทางที่สูญหายให้แก่โจทก์ อายุความย่อมเริ่มตั้งแต่วันดังกล่าว แม้โจทก์จะฟ้องคดีนี้ในวันที่ 9 สิงหาคม 2542 ซึ่งพ้นกำหนด 1 ปีแล้ว แต่เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2541 จำเลยได้มีหนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน 400 ดอลลาร์สหรัฐ ตามหนังสือเอกสารหมาย จ. 10 ถือได้ว่าจำเลยยอมรับว่ากระเป๋าเดินทางของโจทก์ได้สูญหายไป และยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์แล้ว ถึงแม้จำเลยจะยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เพียงบางส่วน ไม่เต็มตามจำนวนที่โจทก์เรียกร้อง หนังสือดังกล่าวของจำเลยก็เป็นหนังสือรับสภาพหนี้แล้ว เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/14 (1) เมื่อโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2542 สิทธิเรียกร้องตามฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ.

Share