คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4780/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับสามีฝ่ายหนึ่งและโจทก์กับภริยาอีกฝ่ายหนึ่งได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความที่จะจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่กันและได้บรรยายถึงรายละเอียดของที่ดินแปลงที่จำเลยจะต้องจดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ไว้ด้วย แล้วบรรยายต่อไปว่าหลังจากทำสัญญาประนีประนอมยอมความแล้วจำเลยไม่ไปจดทะเบียนโอนที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้แก่โจทก์และได้บรรยายถึงสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับเมื่อจำเลยผิดสัญญาไว้ด้วย และตอนท้ายก็มีคำขอบังคับ คำฟ้องที่โจทก์บรรยายมาจึงแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้ว ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายให้ชัดว่าคู่สัญญาจะไปจดทะเบียนโอนกันภายในกี่วันและไม่ได้บรรยายถึงสาระสำคัญของสัญญาให้ครบถ้วนนั้น ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นเพียงรายละเอียดซึ่งอาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณา แม้โจทก์จะมิได้สำเนาสัญญาประนีประนอมยอมความมาท้ายฟ้อง คำฟ้องของโจทก์ก็ไม่เคลือบคลุม
สัญญาประนีประนอมยอมความให้สิทธิโจทก์ที่จะเรียกให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเบี้ยปรับด้วย อันเป็นเบี้ยปรับซึ่งผู้เป็นลูกหนี้สัญญาจะให้เมื่อตนไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องตามสมควรตาม ป.พ.พ. มาตรา 381 ซึ่งนอกจากจะเรียกให้โอนที่ดินเป็นการชำระหนี้แล้ว เจ้าหนี้ยังมีสิทธิเรียกเอาเบี้ยปรับตามสัญญาจากลูกหนี้ได้อีกด้วย มิใช่เบี้ยปรับตามมาตรา 380 ซึ่งเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ชำระหนี้หรือเรียกเอาเบี้ยปรับแทนการชำระหนี้ได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง โจทก์จึงมีสิทธิเรียกได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

Share