คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินที่โจทก์จำเลยพิพาทกันมิใช่ทั้งแปลงดังที่โจทก์ฟ้อง คงพิพาทกันเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อที่ทั้งหมด และส่วนนี้แม้จะไม่ได้ความตามท้องสำนวนว่าเป็นเนื้อที่เท่าไร และศาลชั้นต้นไม่ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็ตามก็คำนวณเอาจากมาตราส่วนในแผนที่วิวาทได้ว่าที่ดินที่พิพาทกันเนื้อที่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด ส่วนราคาของที่พิพาทนั้นเมื่อรวมค่าเสียหายอีก 300 บาท ก็ไม่เกินห้าพันบาท เพราะที่ของโจทก์ 10 ไร่1 งาน โจทก์ตีราคามาเพียง 5,125 บาท คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นก็เพียงแก้ไขเล็กน้อย โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ฯลฯ
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ดินตามแผนที่วิวาทเหนือร่องน้ำจาก ล.ม.๑ ถึง ล.ม.๑๒ เป็นของโจทก์ ฯลฯ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กล่าวในฟ้องว่าที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่ ๑๐ ไร่ ๑ งานทางทิศใต้ติดกับที่ดินของจำเลยยาวประมาณ ๒ เส้น ที่ดินแปลงนี้ของโจทก์ราคา๕,๑๒๕ บาทโจทก์นำเจ้าพนักงานรังวัดที่ดินแปลงนี้เพื่อออกโฉนด จำเลยโต้แย้งว่าโจทก์นำรังวัดรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย จึงทำการรังวัดไม่ได้ ทำให้โจทก์เสียหาย ๓๐๐ บาท จำเลยให้การว่าโจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดล่วงล้ำเข้าไปในที่ดินครอบครองของจำเลย ทั้งยังชี้ล่วงล้ำทับที่มีโฉนดของจำเลยเข้าไปอีกมากจำเลยจึงคัดค้าน และตามแผนที่วิวาท ที่ที่โจทก์จำเลยพิพาทกัน คือ ที่ภายในเส้นสีแดงกับเส้นสีเขียวทับกัน ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของที่ดินทั้งแปลงของโจทก์จำเลย ได้ความดังกล่าวจึงเห็นได้ว่า ที่ดินที่โจทก์จำเลยพิพาทกันมิใช่ทั้งแปลงดังที่โจทก์ฟ้องคงพิพาทกันเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อที่ทั้งหมด และส่วนนี้แม้จะไม่ได้ความตามท้องสำนวนว่าเป็นเนื้อที่เท่าไร และศาลชั้นต้นไม่ได้ให้คู่ความตีราคาที่พิพาทใหม่ก็ตาม ก็คำนวณเอาจากมาตราส่วนในแผนที่วิวาทได้ว่า ที่ดินที่พิพาทกันเนื้อที่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของที่ที่โจทก์ฟ้องทั้งหมด ส่วนราคาของที่พิพาทนั้นเมื่อรวมค่าเสียหายอีก ๓๐๐ บาท ก็ไม่เกินห้าพันบาท เพราะที่ของโจทก์ ๑๐ ไร่ ๑ งาน โจทก์ตีราคามาเพียง ๕,๑๒๕ บาท คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นก็เพียงแก้ไขเล็กน้อย โจทก์จึงฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๔๘
จึงพิพากษายกฎีกาของโจทก์เสีย

Share