แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นดวด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเล่นสกาพนัน การเล่นดวดเป็นผิดตามมาตรา 4 ส่วนการเล่นสกาพนันเป็นความผิดตามมาตรา 4 ทวิ ซึ่งเป็นคนละบทมาตรากัน จึงต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสาม และเมื่อเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์ ให้มิต้องถูกรับโทษได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนันดวดพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตและจัดให้มีขึ้นเพื่อเป็นทางนำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งตนจำเลยที่ 2 มีประวัติการต้องโทษท้ายฟ้องพ้นโทษแล้วยังไม่ครบสามปี มากระทำความผิดคดีนี้อีก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2485 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 และพระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504 มาตรา 3 และขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ จำเลยที่ 2 รับว่าเคยต้องโทษ พ้นโทษมาตามฟ้องจริง
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช 2478 มาตรา 12จำเลยที่ 2 เคยต้องโทษมาแล้ว จึงเพิ่มโทษตามมาตรา 14 ทวิ ด้วยให้ปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 200 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 เดือน ปรับ 600 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไม่รับ เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าเป็นการเล่นดวด เท่าที่พอจะเป็นไปได้ก็เป็นเพียงการเล่นสกาเท่านั้น ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามทางพิจารณาจึงต่างกับที่โจทก์กล่าวในฟ้องในข้อสารสำคัญ ลงโทษจำเลยไม่ได้ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 เมื่อเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี จึงมีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ของกลางไม่ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยเล่นสกามิได้เล่นดวดดังฟ้องโจทก์ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเล่นดวด แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเล่นสกาพนัน การเล่นดวดเป็นผิดตามมาตรา 4 ส่วนการเล่นสกาพนันเป็นความผิดตามมาตรา 4 ทวิซึ่งเป็นคนละบทมาตรากัน จึงต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยในข้อเท็จจริงนั้น ๆ ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 3 และเมื่อเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ให้มิต้องถูกรับโทษได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213
พิพากษายืน