แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เดินรถรับจ้างโดยสารในนามของจำเลยที่ 2 ตามวัตถุประสงค์ที่จำเลยที่ 2 จดทะเบียนไว้ จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถโดยสารของจำเลยที่ 2ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการจะปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่าได้ให้จำเลยที่ 1 เช่ารถคันดังกล่าวไปแล้วหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2ในขณะปฏิบัติงานในทางการที่จ้างหรือตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทชนท้ายรถยนต์ของโจทก์ซึ่งขับอยู่ข้างหน้า เป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายนั้นแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 2 แต่เป็นผู้เช่ารถของจำเลยที่ 2 ไปขับรับจ้างบรรทุกผู้โดยสาร จำเลยที่ 2 ไม่ต้องร่วมรับผิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการต้องร่วมรับผิดด้วย พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรร์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าการที่จำเลยที่ 1 เดินรถรับจ้างโดยสารดังกล่าวกระทำในนามของจำเลยที่ 2 ตามวัตถุประสงค์ที่จำเลยที่ 2 ขอจดทะเบียนไว้จำเลยที่ 1 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถโดยสารของจำเลยที่ 2 ไปก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นตัวการจะปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่าให้เช่ารถคันดังกล่าวไปแล้วหาได้ไม่
พิพากษายืน.