คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4763/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาดุลพินิจของศาลในการรับฟังพยานและว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยซ้ำเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนในวันที่ 6 ธันวาคม 2526 ในวันดังกล่าวเมื่อสืบพยานโจทก์แล้วจำเลยขอสืบพยานในนัดต่อไป พร้อมกับยื่นบัญชีพยานจำเลยต่อศาล โดยทนายจำเลยแถลงว่า ตั้งใจจะยื่นในวันที่ 2 เดือนนั้นแต่ทนายจำเลยติดว่าความจึงลืมยื่นดังนี้จำเลยมิได้ยื่นบัญชีพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน ทั้งมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตยื่นบัญชีพยานตามมาตรา 88 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลย่อมอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยานมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินตามเช็คจำนวนเงิน 40,000 บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายและทำสัญญาขายลดไว้กับโจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 21 ต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 7,339 บาท รวมเป็นเงิน 47,339 บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปีของต้นเงิน 40,000 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและจำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญา ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาฟังพยานโจทก์โดยจำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามมาตรา 248 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์นำพยานมาสืบเพียงปากเดียว ส่วนจำเลยศาลไม่อนุญาตให้นำพยานมาสืบ เป็นฎีกาดุลพินิจของศาลในการรับฟังพยาน และจำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่าโจทก์หักดอกเบี้ยออกจากเงินต้น 40,000 บาท แล้วมาคิดดอกเบี้ยจากเงินต้น 40,000บาทอีก ฎีกาของจำเลยทั้ง 2 ข้อดังกล่าวล้วนเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ คงมีปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยที่จะต้องวินิจฉัยข้อเดียวว่า ศาลอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยานและนำพยานเข้าสืบได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายที่มีหน้าที่นำสืบก่อนในวันที่ 6 ธันวาคม 2526 ในวันนัดสืบพยาน โจทก์จำเลยไปศาล ศาลสืบพยานโจทกืเสร็จ จำเลยขอสืบพยานในนัดต่อไป พร้อมกับยื่นบัญชีพยานจำเลยต่อศาลในวันนั้น โดยทนายจำเลยแถลงว่า การที่ไม่ได้ยื่นบัญชีพยานภายในกำหนดของกฎหมายเพราะตั้งใจจะยื่นในวันที่ 2 ธันวาคม 2526 แต่วันนั้นทนายจเลยติดว่าความจึงลืมยื่นศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยไม่ได้ยื่นคำร้องอ้างเหตุขัดข้องในการไม่ยื่นบัญชีพยาน จึงไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยาน จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปเห็นว่าจำเลยมิได้ยื่นบัญชีพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน และทั้งมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตยื่นบัญชีพยานตามมาตรา 88 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลย่อมอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยานมิได้ดังนี้ การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าศาลจะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยานไม่ได้และไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบจึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share