คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4762/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวน 200 เม็ด แต่ในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมีน้ำหนักและปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด แม้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์จะระบุสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดที่ส่งไปตรวจพิสูจน์ แต่ไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายมีสารบริสุทธิ์เท่าใด รายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าว ไม่อาจนำมารับฟังเป็นผลร้ายเพื่อลงโทษจำเลยในการกระทำความผิดดังกล่าวให้หนักขึ้นได้ ต้องถือว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายไม่ปรากฏปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน การกระทำของจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 200 เม็ด จึงต้องด้วยบทกำหนดโทษตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ใหม่ ซึ่งแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายเดิมมาตรา 66 วรรคหนึ่ง กรณีโทษจำคุกในความผิดฐานนี้ต้องถือว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายใหม่ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยในความผิดดังกล่าวตาม ป.อ. มาตรา 3 แม้โจทก์และจำเลยจะไม่ได้ฎีกามาก็ตาม แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับปรุงบทกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 255

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 ริบของกลาง เว้นแต่เงิน 11,000 บาท ที่ใช้ล่อซื้อให้คืนแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่ามีเมทแอมเฟตามีนเพียง 150 เม็ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของของกลางไว้ในครอบครอง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา15 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม), และวรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 8 ปี และปรับ 450,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 5 ปี 4 เดือน และปรับ 300,000 บาท รวมจำคุก 38 ปี 8 เดือนและปรับ 300,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 แต่ทั้งนี้มิให้กักขังจำเลยแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่าสองปี คืนเงิน 11,000 บาท ของกลางที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ ริบของกลางอื่นทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 67 (ที่แก้ไขใหม่) ให้จำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีน 150 เม็ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของของกลางไว้ในครอบครอง ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยและนายวีรพลหรือบี แซ่ว่อง ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน จำนวน 150 เม็ด และกล่าวหาจำเลยว่าร่วมกับพวกมีแมทแอมเฟตามีน จำนวน 5,450 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวน 200 เม็ด ให้แก่สายลับ ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยร่วมกับพวกกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า เมทแอมเฟตามีนของกลาง จำนวน 5,450 เม็ด ตามบันทึกการจับกุมบัญชีของกลางคดีอาญาและหนังสือนำส่งเมทแอมเฟตามีน จำนวน 5,450 เม็ด ของพนักงานสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.12 เป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนตามรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.7 โจทก์มีเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมจำเลยกับพวกมาเบิกความเป็นพยาน 2 ปาก คือพันตำรวจโทดุลเดชและสิบตำรวจโทสุรชัย เหตุหากพยานทั้งสองเบิกความว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่า จำเลยกับพวกลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนคอกละ 200 เม็ด ราคา 11,000 บาท จึงได้ประชุมวางแผนจับกุมโดยใช้วิธีล่อซื้อ สายลับสามารถโทรศัพท์ติดต่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยกับพวกได้ 1 คอก ราคา 11,000 บาท นัดส่งมอบกันในวันเกิดเหตุเวลา 14 นาฬิกา ที่บริเวณลานจอดรถหน้าแฟลตไม่มีชื่อ ถนนจิระภัทร ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จึงได้นำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท 3 ฉบับ ฉบับละ 500 บาท 16 ฉบับ ไปถ่ายสำเนาและบันทึกหมายเลขไว้ในรายงานประจำวันธุรการตามสำเนาธนบัตรและสำเนารายงานประจำวันธุรการ เมื่อถึงเวลานัดพันตำรวจโทดุลเดชกับพวกไปซุ่มอยู่ห่างจากจุดนัด 10 เมตร ส่วนสิบตำรวจโทสุรชัยกับพวกซุ่มอยู่ที่ร้านขายข้าวมันไก่ห่างจากจุดนัด 5 เมตร ทั้งสองจุดสามารถมองเห็นจุดนัดหมายได้ชัดเจน ประมาณ 5 นาที เห็นสายลับลงจากรถจักรยานยนต์รับจ้างเดินไปยืนรออยู่ที่ลานจอดรถใกล้ประตูทางเข้าแฟลต พวกของจำเลยขับรถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณที่สายลับยืนอยู่แล้วใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โทรศัพท์ติดต่อจากนั้นประมาณ 5 นาที จำเลยเปิดประตูแฟลตออกมาร่วมพูดคุยกับสายลับ แล้วสายลับส่งมอบเงินที่ใช้ล่อซื้อแก่พวกของจำเลย จำเลยล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ สายลับรับไว้พร้อมนำมาดูแล้วใช้มือขวาลูบศีรษะเป็นสัญญาณ แล้วแยกตัวนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบให้แก่พันตำรวจโทดุลเดชกับพวก พันตำรวจโทดุลเดชตรวจดูปรากฏว่าเป็นเมทแอมเฟตามีน จำนวน 200 เม็ด ระหว่างนั้นสิบตำรวจโทสุรชัยกับพวกได้เข้าควบคุมตัวจำเลยกับพวกไว้ พันตำรวจโทดุลเดชกับพวกจึงเข้าไปสมทบและตรวจค้นตัวจำเลยกับพวก ผลปรากฏว่าพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 150 เม็ด ในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าข้างขวาของจำเลย และพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อในกำมือพวกของจำเลยตรวจสอบแล้วมีหมายเลขตรงกับที่มอบให้สายลับใช้ล่อซื้อ นอกจากนี้จำเลยกับพวกยอมรับอีกว่ามีเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ที่ห้อง 208 ในแฟลตดังกล่าวด้วย และได้ใช้กุญแจที่ตัวจำเลยไขประตูแฟลตและประตูห้อง 208 เข้าไปค้นพบเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 5,100 เม็ด แยกบรรจุในถุงพลาสติกสีฟ้า ถุงละ 200 เม็ด จำนวน 20 ถุง และถุงพลาสติกใส ถุงละ 100 เม็ด จำนวน 11 ถุง จึงได้ควบคุมตัวจำเลยกับพวกและเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดจำนวน 5,450 เม็ด โดยแจ้งข้อหาแก่จำเลยกับพวกว่า ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 200 เม็ด ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยกับพวกให้การรับสารภาพตามบันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การชั้นสอบสวน เห็นว่า พยานโจทก์ผู้ร่วมจับกุมทั้งสองปากเบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันดีไม่มีข้อพิรุธทั้งพยานทุกคนต่างเป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุอันใดที่พยานจะแกล้งกล่าวหาจำเลยในข้อหาความผิดที่ร้ายแรงเช่นนั้น ในการล่อซื้อพยานโจทก์ผู้จับกุมเป็นผู้รู้เห็นเหตุการณ์ขณะสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยและพวก เมื่อสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนมาได้พยานโจทก์ทั้งสองกับพวกจึงเข้าจับกุมจำเลยและพวกทันที และพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อในกำมือพวกของจำเลย นอกจากนี้ยังค้นพบเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 150 เม็ด ที่ตัวจำเลยและจำเลยกับพวกได้พาพยานโจทก์ทั้งสองกับพวกไปค้นที่แฟลตไม่มีชื่อนั้น ห้อง 208 ซึ่งจำเลยกับพวกร่วมกันเช่าไว้พบเมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 5,100 เม็ด ซึ่งจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมในวันเกิดเหตุและรับสารภาพในชั้นสอบสวนในวันรุ่งขึ้น คำรับของจำเลยจึงมีน้ำหนักรับฟังประกอบพยานหลักฐานโจทก์ได้ แม้จะได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่าตามบันทึกการจับกุม บัญชีของกลางคดีอาญาและหนังสือนำส่งเมทแอมเฟตามีนของกลาง จำนวน 5,450 เม็ด ไปตรวจพิสูจน์ของพันตำรวจโทประเสริฐพนักงานสอบสวน ตามหนังสือที่ สข 0220.05/598 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2544 เอกสารหมาย จ.12 จะระบุว่าเมทแอมเฟตามีนของกลาง จำนวน 5,450 เม็ด เป็นเมทแอมเฟตามีนเม็ดสีส้ม แต่ตามรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.7 ของร้อยตำรวจโทเชิดศักดิ์ผู้ตรวจพิสูจน์ กลับระบุว่า เมทแอมเฟตามีนเม็ดสีส้มจำนวน 5,394 เม็ด และเมทแอมเฟตามีนเม็ดสีเขียว จำนวน 56 เม็ด กรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อยหาใช่ข้อแตกต่างขัดแย้งกันในสาระสำคัญของคดีไม่ เพราะพยานโจทก์ผู้จับกุมได้นำเมทแอมเฟตามีนของกลาง จำนวน 5,450 เม็ด ส่งให้แก่พนักงานสอบสวนและตามรายงานการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.7 ได้อ้างถึงเลขหนังสือของพนักงานสอบสวนว่าเป็นหนังสือที่ สข 0220.05/598 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2544 ซึ่งตรงกันกับเอกสารหมาย จ.12 แสดงว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 5,450 เม็ด ที่พนักงานสอบสวนส่งไปกับเมทแอมเฟตามีนที่ร้อยตำรวจโทเชิดศักดิ์ผู้ตรวจพิสูจน์ได้ทำการตรวจพิสูจน์เป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันเพียงแต่ผู้ตรวจพิสูจน์ได้แยกแยะสีของเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ด้วย อีกทั้งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่จำเลยได้กระทำผิดแล้ว และจำเลยได้ตรวจดูเอกสารหมาย จ.7 แล้วยังยอมรับว่าร้อยตำรวจโทเชิดศักดิ์เป็นผู้ตรวจเมทแอมเฟตามีนของกลางและยอมรับผลการตรวจพิสูจน์ตามเอกสารหมาย จ.7 ไว้ด้วย ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2545 กรณีดังกล่าวจึงไม่ใช่เหตุสงสัยตามสมควรว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัย ดังนั้น พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน สงขลา ขตข 288 จำนวน 1 คันนั้น เมื่อปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางถูกตรวจยึดได้จากห้องพักของจำเลย เลขที่ 208 และที่ตัวจำเลย กรณีจึงยังไม่พอรับฟังได้ว่ารถจักรยานยนต์ของกลางดังกล่าวเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดในคดีนี้จึงไม่ริบ
อนึ่ง แม้โจทก์และจำเลยไม่ได้ฎีกามาด้วยก็ตาม แต่จากข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำนวน 200 เม็ด นั้น ปรากฏว่าในคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำหน่ายดังกล่าวมีน้ำหนักและปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด แม้ตามรายงานการตรวจพิสูจน์จะระบุสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดที่ส่งไปตรวจพิสูจน์ แต่ไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายมีสารบริสุทธิ์เท่าใด รายงานการตรวจพิสูจน์ดังกล่าวไม่อาจนำมารับฟังเป็นผลร้ายเพื่อลงโทษจำเลยในการกระทำความผิดดังกล่าวให้หนักขึ้นได้ ต้องถือว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยจำหน่ายไม่ปรากฏปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน การกระทำของจำเลยในข้อหาจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 200 เม็ด จึงต้องด้วยบทกำหนดโทษตามมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งแตกต่างจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายเดิม มาตรา 66 วรรคหนึ่ง กรณีโทษจำคุกในความผิดฐานนี้ต้องถือว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายใหม่ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดบังคับแก่จำเลยในความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาจึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) และวรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันมีแมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 8 ปี สถานเดียว จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 33 ปี 4 เดือน ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 5 ปี 4 เดือน รวมจำคุก 38 ปี 8 เดือน ไม่ริบรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียนสงขลา ขตข 288 ของกลางและให้คืนของกลางดังกล่าวแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9

Share