คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4762/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา343แต่ความผิดดังกล่าวมีองค์ประกอบมาจากความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341ด้วยเมื่อทางพิจารณาได้ความว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา352ซึ่งโจทก์ไม่ได้ขอลงโทษศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยหลอกลวงประชาชนว่า จำเลยจะดำเนินการขอจดทะเบียนเรือและขออาชญาบัตรอวนให้แก่ประชาชนอันเป็นเท็จ ในการหลอกลวงดังว่านั้นจำเลยได้รับเงินไปจากประชาชนที่ถูกจำเลยหลอกลวงรวมเป็นเงิน 21,890 บาท เหตุเกิดที่ตำบลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และให้จำเลยคืนเงินจำนวน21,890 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคหนึ่ง ให้จำคุก 3 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวน21,890 บาท แก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนยุติแล้ว ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามที่จำเลยฎีกาเพียงข้อเดียวว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ไม่ได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 352 ศาลจะลงโทษจำเลยตามมาตรา 352 ได้หรือไม่ เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม บัญญัติว่า ในกรณีที่ข้อแตกต่างนั้นเป็นเพียงรายละเอียด เช่น เกี่ยวกับเวลาหรือสถานที่กระทำผิดหรือต่างกันระหว่างการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ฉ้อโกง โกงเจ้าหนี้ ยักยอก รับของโจร และทำให้เสียทรัพย์หรือต่างกันระหว่างการกระทำผิดโดยเจตนากับประมาท มิให้ถือว่าต่างกันในข้อสาระสำคัญ ทั้งมิให้ถือว่าข้อที่พิจารณาได้ความนั้นเป็นเรื่องเกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ ฯลฯกรณีของจำเลยแม้ตามคำฟ้องของโจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ก็ตามแต่ความผิดฐานดังกล่าวก็เป็นการกระทำที่มีองค์ประกอบมาจากความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ด้วย ดังนั้น เมื่อปรากฏในชั้นพิจารณาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 แม้โจทก์จะไม่ได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ศาลก็มีอำนาจลงโทษจำเลยได้ตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวข้างต้น มิใช่เป็นเรื่องเกินคำขอหรือเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษดังที่จำเลยฎีกาศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share