คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4761/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับเงินค่าขายที่ดินของโจทก์ไว้ในฐานะเป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ผู้ขาย จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องส่งมอบ ให้แก่โจทก์ แม้โจทก์ไม่มีหลักฐานการตั้งจำเลยเป็นตัวแทน ในกิจการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ก็หาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นจาก ความรับผิดที่ต้องส่งเงินที่ได้รับไว้แทนคืนแก่โจทก์ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน โจทก์ได้แต่งตั้งให้จำเลยเป็นตัวแทนไปติดต่อขายที่ดินดังกล่าวแก่ผู้มีชื่อ จำเลยได้รับเงินค่าที่ดินแทนโจทก์ไว้ซึ่งเป็นเงินค่าขายจำนวนหนึ่งยังค้างชำระอีกจำนวนหนึ่ง ขอบังคับให้จำเลยชำระเงินรวม198,725 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เป็นตัวแทนเป็นเพียงนายหน้าติดต่อขายที่ดินของโจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 198,725 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ดังนี้จึงฟังได้ว่าจำเลยได้รับเงินค่าขายที่ดินของโจทก์ไว้ในฐานะเป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ผู้ขาย ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องส่งมอบให้แก่โจทก์ส่วนฎีกาในข้อที่ว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานการตั้งจำเลยเป็นตัวแทนในกิจการซึ่งขายที่ดินนั้น เมื่อฟังได้ว่าจำเลยเป็นตัวแทนขายที่ดินให้แก่โจทก์และรับเงินไว้ ก็หาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากความรับผิดที่ต้องส่งเงินที่ได้รับไว้แทนคืนแก่โจทก์ไม่และที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ได้ตกลงขายที่ดินให้แก่นางพวงคำภรรยาจำเลยเป็นเงิน 860,000 บาท ก็เป็นข้อนำสืบที่ขัดแย้งกับประเด็นที่ต่อสู้ในคำให้การไว้ว่า จำเลยได้ติดต่อเป็นนายหน้าขายที่ดินของโจทก์ให้แก่นางสาวมยุเรศ เตชะพงษ์จึงไม่เป็นข้อเท็จจริงในประเด็นที่จะรับฟังได้ พยานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยได้ทำการขายที่ดินของโจทก์ให้แก่ผู้ซื้อดังกล่าวในราคาไร่ละ 33,000 บาท เป็นเงินรวม 941,655 บาท จำเลยได้ส่งมอบให้โจทก์แล้ว 800,000 บาท จึงยังค้างชำระอีก141,655 บาท ตามฟ้อง”
พิพากษายืน

Share