แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขายฝากที่นาไว้กับจำเลย ต่อมาโจทก์ขอไถ่การขายฝากภายในกำหนดเวลา แต่จำเลยไม่ยอมโดยเกี่ยงจะให้โจทก์ชำระค่าเช่านาที่ค้างด้วย โจทก์จึงไม่ยอมวางเงินค่าขายฝาก เช่นนี้ ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายไม่ยอมรับค่าขายฝากจากโจทก์ ถือได้ว่าโจทก์ได้ขอไถ่จากจำเลยภายในกำหนดเวลาขายฝากแล้ว
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2507 โจทก์นำที่นาหนึ่งแปลงมาขายฝากจำเลยไว้มีกำหนด 3 ปี โดยทำหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในราคา 17,800 บาท ซึ่งคิดรวมดอกเบี้ยล่วงหน้าไว้ตลอด 3 ปี เป็นเงิน 8,800 บาท และโจทก์คงครอบครองทำนาตลอดมาโดยไม่เสียค่าเช่า ก่อนครบกำหนดเวลาขายฝาก โจทก์ขอไถ่การขายฝาก จำเลยผัดผ่อนเสมอมา ในวันที่ 27 ตุลาคม 2510โจทก์ร้องต่อนายอำเภอให้นัดจำเลยมารับการไถ่ถอนจำเลยกลับจะให้โจทก์ไถ่ถอนในราคา 22,000 บาท โจทก์ไม่ยอม จึงตกลงกันไม่ได้ครั้งสุดท้ายตกลงกันว่าจะไถ่ถอน ณ ที่ว่าการอำเภอ ในวันที่ 3 มกราคม 2511 แต่แล้วจำเลยไม่ยอมให้ไถ่อีก จึงขอให้บังคับจำเลยรับเงิน 17,800 บาท จากโจทก์ แล้วจดทะเบียนการไถ่ถอนการขายฝากคืนมาเป็นของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นผู้รับซื้อฝากที่นาจากโจทก์ในราคา 17,800 บาทจริง แต่มิได้คิดดอกเบี้ย 3 ปี เงิน 8,800 บาทรวมเข้าด้วย โจทก์ได้ตกลงเช่านาที่ขายฝาก 3 ปี โดยคิดค่าเช่าเป็นข้าวปีละ 4 เกวียน สองปีแรกโจทก์ไม่มีค่าเช่าชำระครั้นปีที่สาม จำเลยจะไม่ให้โจทก์เช่า แต่โจทก์ขอเช่าทำอีก 1 ปีตกลงยอมชำระค่าเช่าโดยทำเป็นสัญญากู้ คิดเป็นเงิน 11,040 บาท จำเลยปฏิเสธข้อที่ว่าไม่ยอมให้โจทก์ไถ่ถอนการขายฝากที่โจทก์ไปร้องต่ออำเภอก็เพื่อหาทางประวิงการไถ่คืน และสัญญาขายฝากครบกำหนดแล้วโจทก์จึงไม่มีอำนาจไถ่คืน จำเลยแจ้งให้โจทก์ออกจากที่นาพร้อมชำระค่าเช่าที่ค้าง โจทก์ไม่ยอมปฏิบัติตาม จึงขอให้โจทก์และบริวารออกจากที่นา และให้โจทก์ใช้เงิน 11,040 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ไม่เคยเช่านาและไม่เคยทำสัญญาค้างค่าเช่านาเป็นเงิน 11,040 บาท สัญญากู้ที่จำเลยนำมาฟ้องแย้งเป็นสัญญาปลอม โดยจำเลยอาศัยลายมือของโจทก์ที่เคยเซ็นให้จำเลยไว้เมื่อครั้งโจทก์รับเงินจากจำเลยบางส่วน ก่อนทำสัญญาขายฝากโดยยังมิกรอกข้อความ โจทก์จึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์จำเลยขายฝากนาพิพาทกันเป็นเงิน 17,800 บาทและโจทก์เช่านาพิพาทจากจำเลยทำแล้วไม่เคยส่งค่าเช่านาเลย ในปีที่สามโจทก์ได้ทำสัญญากู้ให้แทนค่าเช่านา 3 ปี เป็นเงิน 11,040 บาท ส่วนเรื่องการไถ่นาพิพาท ฟังว่า จำเลยยอมให้โจทก์ไถ่คืนภายในกำหนดเวลาขายฝาก แต่โจทก์ไม่มีเงินไถ่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะพ้นกำหนดเวลาไถ่แล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์และบริวารออกจากนาพิพาท และให้โจทก์ชำระเงินกู้ 11,040 บาทพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาขายฝากกันเป็นเงิน 17,800 บาท ดังที่จำเลยต่อสู้ในประเด็นที่ว่า โจทก์ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์รายพิพาทภายในกำหนดเวลาขายฝากหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนครบกำหนดเวลาไถ่การขายฝาก 15 วัน โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอขอให้เรียกจำเลยมาจัดการให้โจทก์ไถ่ถอน คำร้องของโจทก์ยังได้อ้างว่าเคยขอร้องจำเลยให้มาอำเภอ แต่จำเลยไม่ยอมมาตามพฤติการณ์และเหตุผลของคดี จึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิขอไถ่ที่พิพาทจากจำเลยภายในกำหนดเวลาตามสัญญาขายฝากแล้วหากแต่จำเลยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ไถ่ ในปัญหาที่ว่า ในวันที่โจทก์จำเลยพบกันที่อำเภอนั้น โจทก์มีเงินค่าไถ่ชำระให้จำเลยหรือไม่เห็นว่า การที่โจทก์ติดต่อขอไถ่จากจำเลย จำเลยไม่ยอม จนโจทก์ต้องยื่นคำร้องต่ออำเภอ เช่นนี้ จะว่าโจทก์ไม่มีเงินไถ่ดูผิดปกติวิสัย ศาลฎีกาเชื่อว่าโจทก์มีเงินค่าไถ่ 17,800 บาท พร้อมที่จะชำระจำเลยตามสัญญาขายฝากในวันเปรียบเทียบที่อำเภอแล้ว ที่โจทก์ไม่ยอมวางเงินในวันเปรียบเทียบ ก็เพราะจำเลยเกี่ยงจะให้โจทก์ชำระค่าเช่านาที่ค้างด้วยเป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยเป็นฝ่ายไม่ยอมรับค่าขายฝากจากโจทก์ถือว่าโจทก์ผู้ขายฝากพร้อมที่จะไถ่ได้ภายในกำหนดแล้ว แต่เป็นเพราะจำเลยผู้ซื้อฝากบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับเงินต่างหาก พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยรับเงินค่าไถ่การขายฝาก17,800 บาทจากโจทก์ แล้วจดทะเบียนไถ่การขายฝากคืนให้โจทก์นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์