คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4760/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองใน ความผิดฐานพรากผู้เยาว์กับฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษฐาน พรากผู้เยาว์บทหนักนั้น ยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากกรณีเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ศาลฎีกาปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๓๑๐,๓๑๘, ๙๑, ๙๐, ๘๓, ๘๐ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ,๗๒, ๗๒ ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ ๔๔ ลงวันที่๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๓, ๖, ๗
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๐, ๓๑๘, ๙๑, ๘๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ อันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดฐานพรากผู้เยาว์กับหน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นกรรมเดียว ให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา ๓๑๘ วรรคสาม จำคุกคนละ ๖ ปีฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ ๑ ปี ฐานพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ ๖ เดือน และจำเลยที่ ๑ ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง จำคุก๑๕ ปี ส่วนจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖วรรคสอง, ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๒๒ ปี ๖ เดือนจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์ฟังได้เฉพาะข้อหาพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๙ วรรคหนึ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๕) พ.ศ.๒๕๒๕ มาตรา ๙ จำคุกคนละ ๒ ปี และปรับคนละ ๔,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอไว้ ๒ ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ไม่ชำระ่าปรับให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานมีและพาอาวุธปืน ฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายคนหนึ่ง จำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอีกคนหนึ่ง นอกจากนี้จำเลยทั้งสองยังมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย กับฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองปราศจากเสรีภาพในร่างกาย แต่ไม่มีความผิดในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานพรากผู้เยาว์กับฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานพรากผู้เยาว์บทหนักนั้นยังไม่ถูกต้อง เนื่องจากกรณีเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป เห็นควรปรับบทลงโทษให้ถูกต้อง และเมื่อพิจารณาข้อที่จำเลยทั้งสองได้ชดใช้เงินค่าทำขวัญเป็นที่พอใจแก่มารดาของผู้เสียหายทั้งสองแล้ว เห็นควรกำหนดโทษความผิดสองฐานนี้ในสถานเบาลงมา
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๐ วรรคแรก มาตรา ๓๑๘ วรรคสาม จำเลยที่ ๑ ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๖ วรรคสอง และจำเลยที่ ๒ ยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๘๐ อีกด้วย เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๐ วรรคแรก และมาตรา ๓๑๘ วรรคสามรวมจำคุกคนละ ๔ ปี ลงโทษจำเลยที่ ๑ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ วรรคสอง จำคุก ๑๕ ปี ลงโทษจำเลยที่ ๒ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๘๐ จำคุก ๑๐ ปี รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑๙ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๑๔ ปี ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑๒ ปี ๘ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๔ ปี ๔ เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share