คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 476/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ตั้งแต่โจทก์ทำการสมรสเมื่อ พ.ศ. 2478 แล้วโจทก์ได้ครอบครองต่อมาเป็นเวลาสิบกว่าปีจำเลยทั้งสองจึงได้ทำการโอนที่พิพาทให้กันโดยการซื้อขายที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนเมื่อ พ.ศ. 2506 ดังนี้ โจทก์ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อน ย่อมขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนอันเป็นทางทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งว่าที่ดินโฉนดที่ ๑๖๓๙ เฉพาะส่วนของจำเลยที่ ๒ เนื้อที่ ๔๙ ไร่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสองโดยการครอบครองและสั่งเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองเสียพร้อมทั้งใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนจำเลยที่ ๑
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินพิพาทจำเลยที่ ๒ ซื้อร่วมกับนายเหล็งโจทก์ ที่ ๑ ไม่เคยแสดงเจตนาว่าจะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ จำเลยที่ ๒ ขายนาพิพาทให้จำเลยที่ ๑ โดยสุจริต ฯลฯ
ก่อนสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ ๒ ตายไม่มีผู้มีสิทธิขอรับมรดกความศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๒ เสีย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงของคดีนี้ฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ ได้ยกที่ดินพิพาทให้โจทก์มาตั้งแต่โจทก์ทำการสมรสเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ แล้วโจทก์ได้ครอบครองต่อมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว จำเลยทั้งสองจึงได้ทำการโอนที่พิพาทให้กันโดยการซื้อขายที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ ดังนี้ โจทก์ซึ่งอยู่ในฐานะที่จะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนย่อมขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนอันเป็นทางที่ทำให้โจทก์เสียเปรียบนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๐ พิพากษายืน

Share