คำสั่งคำร้องที่ 1633/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง วันที่ 19 มิถุนายน 2533 ครบกำหนดฎีกาวันที่19 กรกฎาคม 2533 ดังนั้นเมื่อจำเลยประสงค์จะยื่นฎีกาข้อเท็จจริงโดยขอให้ผู้พิพากษาผู้ร่วมพิจารณาคดีรับรองให้ฎีกา ก็ชอบจะต้องดำเนินการภายในกำหนดเวลาดังกล่าว แต่ปรากฏจากคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่ามีการรับรองให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2533 อันเป็นการพ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้ว ฉะนั้นจึงไม่รับฎีกาของจำเลยฉบับลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2533 ซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงชื่อ
จำเลยเห็นว่า คำฟ้องฎีกาของจำเลยฉบับลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2533ซึ่งเป็นฉบับที่จำเลยลงลายมือชื่อและฉบับที่ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาเป็นฉบับเดียวกันซึ่งจำเลยได้ยื่นไว้ภายในอายุความฎีกาแล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์และโจทก์ร่วมได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362 กระทงหนึ่ง จำคุก 1 เดือน และผิดตามมาตรา 295อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 1 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 2 เดือน ฯลฯ
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2533
จำเลยยื่นฎีกาและผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 162,163,164)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 167)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยไปแล้ว จำเลยมิได้ยื่นฎีกาเข้ามาใหม่ภายในอายุฎีกา ถึงแม้ว่าจะมีคำรับรองและอนุญาตให้ฎีกาในภายหลังก็ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ให้ยกคำร้อง

Share