แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ถ้าคนต่างด้าวผู้รับพินัยกรรมมีสิทธิหรือมีทางที่จะขออนุญาตถือที่ดินได้  พินัยกรรมก็ไม่เป็นโมฆะ
โจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก  และได้ทำสัญญาประนีประนอมกันว่าจำเลยจะโอนที่ดินให้โจทก์ตามส่วนในพินัยกรรมเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้รับผิด  จึงบังคับตามสัญญาได้  ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1750  ส่วนโจทก์ที่เป็นคนต่างด้าวก็ให้ไปจัดการตามประมวลกฎหมายที่ดินก่อน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2511)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  โจทก์เป็นทายาทและเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรม  โจทก์จำเลยได้ตกลงกันให้จำเลยลงชื่อในโฉนดแต่ผู้เดียวแทนโจทก์  เมื่อจำเลยใส่ชื่อในโฉนดแล้ว  จำเลยจะต้องโอนหรือใส่ชื่อโจทก์ตามส่วนที่โจทก์ได้รับมรดก ในการนี้จำเลยได้ทำหนังสือให้โจทก์ยึดไว้เป็นหลักฐาน  จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าข้อตกลงนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย  เพราะเจตนาจะฝ่าฝืนหลีกเลี่ยงต่อประมวลกฎหมายที่ดิน  ที่ห้ามมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน  โจทก์จำเลยได้ตกลงเลิกข้อตกลงนั้นแล้ว  จำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และครอบครองแต่ผู้เดียว   ทั้งคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ  ให้แบ่งที่ดินแก่โจทก์ตามส่วน  สำหรับโจทก์ที่เป็นคนต่างด้าว  ให้โจทก์จัดการตามประมวลกฎหมายที่ดินที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวนั้น  ถ้าจำเลยไม่ไปจัดการ  ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  ข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าว  จะรับมรดกที่ดินได้ในฐานะเป็นทายาทโดยธรรมไม่ใช่โดยพินัยกรรม  พินัยกรรมส่วนที่ให้แก่โจทก์และเอกสาร จ. ๑ ไม่สมบูรณ์นั้น
ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหาข้อนี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้วมีมติว่าถ้าคนต่างด้าวผู้รับพินัยกรรมมีสิทธิหรือมีทางที่จะขออนุญาตถือที่ดินได้  พินัยกรรมก็ไม่เป็นโมฆะ  สำหรับคดีนี้ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ที่เป็นคนต่างด้าวมีทางขออนุญาตถือที่ดินหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่  เพราะคดีนี้โจทก์จำเลยต่างเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกและได้ทำสัญญาประนีประนอมกันว่า  จำเลยจะโอนที่ดินให้โจทก์ตามส่วนในพินัยกรรม  มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้รับผิดตามเอกสารหมาย จ. ๑ แล้ว  จึงบังคับตามสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา ๑๗๕๐  ส่วนโจทก์ที่เป็นคนต่างด้าวก็ให้ไปจัดการตามประมวลกฎหมายที่ดินก่อน
ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่า  คดีของโจทก์ขาดอายุความมรดกนั้น  ปรากฏว่าหลังจากเจ้ามรดกตายได้สองเดือนเศษ  ทายาทได้เข้าจัดการมรดกร่วมกัน  โดยทำหนังสือมอบอำนาจให้นายเจียกกังรับเงินกับส่วนโรงสีอันเป็นทรัพย์มรดกจากคนภายนอก  เมื่อถูกฟ้องคดีก็เข้าต่อสู้คดีร่วมกันจนกระทั่งเสร็จคดีแล้วจึงได้ทำสัญญาตามเอกสารหมาย จ. ๑   ให้จำเลยเป็นตัวแทนลงชื่อในโฉนดไว้ก่อน  แล้วจำเลยจะโอนใส่ชื่อโจทก์ตามส่วนในพินัยกรรมภายใน ๑๒ เดือน  เมื่อจำเลยผิดสัญญา  โจทก์จึงฟ้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา  หาได้ฟ้องขอแบ่งมรดกไม่  จำเลยจะอ้างเอาอายุความมรดกมาปรับแก่คดีนี้ไม่ได้  ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

