คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าพันบาทซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ย่อมพิพากษาให้ยกฎีกาเสีย
ในกรณีพิพากษายกฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจสั่งคืนค่าขึ้นศาลค่าตัดสินและค่าคำบังคับให้แก่ผู้ฎีกาได้
ฎีกาซึ่งโต้เถียงว่า ศาลควรฟังคำเบิกความของพยานปากนั้นปากนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินในโฉนดและนอกโฉนดร่วมกัน ได้ตกลงแบ่งกันแล้วฝ่ายละประมาณ ๔ ไร่ โจทก์ได้ทางทิศเหนือราคา ๔,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๑ กับจำเลยที่ ๑ ได้ทำหนังสือไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาจำเลยไม่ยอมแบ่ง จึงขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินทั้งหมดเป็นของจำเลย โดยที่ดินในโฉนดจำเลยได้ครอบครองปรปักษ์มากว่า ๑๐ ปี ส่วนที่นอกโฉนด จำเลยได้หักร้างถางป่าเอาเอง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงแบ่งที่ดินในโฉนดกันแล้วฝ่ายละกึ่ง ที่ดินนอกโฉนด จำเลยฝ่ายเดียวครอบครองมา พิพากษาให้แบ่งที่ดินในโฉนดให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ซึ่งพิพาทกันไม่เกินห้าพันบาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายฎีกาของโจทก์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาแบ่งที่พิพาททั้งนอกและในโฉนดให้โจทก์กึ่งหนึ่งโดยอ้างว่า ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้ตามสัญญาหมาย จ.๑ โจทก์ฎีกาโต้เถียงว่า ควรฟังคำเบิกความของนายสุขกำนัน นายเตี๊ยมผู้ใหญ่บ้าน และนายสุทธิสารวัตรกำนัน ซึ่งเบิกความยืนยันว่า จำเลยที่ ๒ รู้เห็นยินยอมในการแบ่งที่ดินตามสัญญา จ.๑ นั้น เป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกา ศาลฎีกาจะรับไว้พิจารณามิได้
พิพากษาให้ยกฎีกา ให้คืนค่าขึ้นศาล ค่าตัดสินและค่าคำบังคับ(แก่โจทก์) ค่าทนายเป็นพับ

Share