คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกผู้ตายไล่ทำร้ายและวิ่งหนีขึ้นบันไดเรือนจำเลยได้ร้องท้าทายผู้ตายว่า ‘มึงดีก็มา’ ในขณะที่ผู้ตายไล่ทำร้ายจำเลย จำเลยได้ใช้มีดฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่จำเลยร้องท้าทายผู้ตายเป็นการก่อให้เกิดการทำร้ายด้วยความสมัครใจ จะอ้างว่ากระทำโดยป้องกันไม่ได้แต่ปรากฏว่าจำเลยได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายด้วยเหตุไม่เป็นธรรมทั้งต่อยและเตะ มิหนำซ้ำเมื่อจำเลยวิ่งหนีแล้ว ผู้ตายก็ยังไล่ติดตามอย่างกะทันหันเพื่อทำร้ายจำเลยต่อไปอีก ยากที่ใครจะไม่บันดาลโทสะประกอบกับอาวุธที่จำเลยใช้เป็นมีดขนาดเล็กมิได้มีการซ้ำเติมอย่างใด จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาโดยบันดาลโทสะ

ย่อยาว

คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ถูกผู้ตายไถ่ทำร้ายแต่ในขณะที่จำเลยวิ่งหนีขึ้นบรรไดเรือนนั้น จำเลยได้ร้องท้าทายผู้ตายว่า “มึงดีก็มา” ในขณะที่ผู้ตายไถ่ทำร้ายจำเลย ๆ ได้ใช้มีดฟันผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ร้องท้าทายเขาเช่นนี้เป็นการก่อให้เกิดการทำร้ายด้วยความสมัครใจ จะอ้างว่ากระทำโดยป้องกันไม่ได้ แต่ปรากฏว่า จำเลยได้ถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม ทั้งต่อยและเตะมิหนำซ้ำเมื่อจำเลยวิ่งหนีแล้วก็ยังไล่ติดตามอย่างกระทันหันเพื่อทำร้ายต่อไปอีกยากที่ใครจะไม่บันดาลโทสะ ผู้ที่ตกอยู่ในฐานะเช่นนั้นก็อาจฉุนเฉียวร้องท้าทายเช่นจำเลยได้ เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 55 การที่จำเลยกระทำผิดโดยบันดาลโทสะประกอบด้วยอาวุธที่ใช้ทำร้ายเป็นมีดขนาดเล็ก มิได้มีการซ้ำเติมอย่างใด ศาลฎีกาคงให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนาลดฐานบันดาลโทสะให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้ 4 ปี

Share