แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มียาสูบตั้งแต่สองกิโลกรัมไว้ในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์ยาสูบเป็นผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ มาตรา 36 และ40
โจทก์ฟ้องบรรยายความผิดอันต้องด้วยบทห้ามตามกฎหมายแม้มิได้อ้างบทห้ามมาในฟ้องเป็นแต่อ้างบทกำหนดโทษมาศาลก็ลงโทษได้
โจทก์กล่าวหาจำเลยรับบางข้อปฏิเสธบางข้อ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษในความผิด ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธแต่มีได้ข้อสืบพยานดังนี้ ศาลฎีกาย่อมพิจารณาเฉพาะตามฟ้องและคำให้การ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจจะซื้อยาสูบน้ำหนัก 2,178 กรัม ราคา 438 บาทโดยรู้อยู่ว่าเป็นสินค้าต่างประเทศซึ่งจะต้องเสียภาษีศุลกากรนำเข้า และมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบโดยมิได้ผ่านด่านศุลกากรและมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามกฎหมาย โดยจำเลยเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรและปิดแสตมป์ยาสูบ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากรมาตรา 27 ฯ และพระราชบัญญัติยาสูบ 2486 มาตรา 30, 31, 35, 40, 42 และให้ริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ได้ซื้อบุหรี่ไม่ปิดแสตมป์ยาสูบจริง แต่ใครนำเข้ามา รับอนุญาตหรือไม่ ผ่านด่านศุลกากรหรือไม่ไม่ทราบ
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้วพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาสูบ มาตรา 36 ฐานมียาสูบไว้ในครอบครองไม่ปิดอากรแสตมป์ แต่ไม่ผิดพระราชบัญญัติศุลกากรและพระราชบัญญัติยาสูบ มาตรา 30, 31 เพราะกฎหมายดังกล่าวนี้ลงโทษ สำหรับผู้นำยาสูบเข้ามาในราชอาณาจักรของกลางไม่ควรริบ
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ เห็นว่าจำเลยมียาสูบไว้ในครอบครอง โดยไม่ปิดแสตมป์ยาสูบตามมาตรา 36 แต่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษ จึงลงโทษไม่ได้ ส่วนข้ออื่นเห็นชอบตามศาลชั้นต้น จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามฟ้อง แต่มิได้ขอสืบพยาน ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงฟังได้เท่าที่จำเลยรับว่าจำเลยมียาสูบไว้ในครอบครองโดยมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบอันต้องด้วยห้ามตามพระราชบัญญัติยาสูบ มาตรา 36ซึ่งมาตรา 40 บัญญัติว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 36 มีความผิดและกำหนดโทษไว้ เรื่องนี้โจทก์อ้างมาตรา 40 แล้วจึงลงโทษได้ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น